กทม. 17 พ.ค.- โปลิศไซเบอร์ รวบหนุ่มขี้เหงาปลอมเฟซบุ๊ก “รองต่อศักดิ์” แชตคุยสาวกว่า 20 ราย เจ้าตัวคอตกสารภาพสำนึกผิด พบมีอาการทางจิต ด้านมือปราบสายธรรมะให้อภัยไม่เอาเรื่อง เตือนอย่าทำอีก
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.,พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผบช.สอท สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พ.ต.ท.คงกฤช รุ่งเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าว บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.2 ตรวจสอบกรณีผู้ใช้เฟชบุ๊ก โปรไฟล์ “พลตํารวจโท ใหญ่ สิธิมงคล” มีการใช้รูปของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นโปรไฟล์ เกรงว่าจะใช้ไปในทางผิดกฎหมาย โดยการตรวจสอบครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากประชาชน หลังพบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กโปรไฟล์ดังกล่าวนำรูปของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล มาเป็นโปรไฟส์ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนที่ทางรองผบ.ตร. จะมอบหมายให้ทาง บช.สอท. เร่งตรวจสอบ
กระทั่งสืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายเชาวฤทธิ์ อายุ 32 ปี อาศัยอยู่บ้านพัก ต.โนนห้อม อ.เมืองปราจีนบุรี จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบนายเชาวฤทธิ์ จึงแสดงตัวพร้อมกับขอตรวจสอบอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบบทสนทนาในแชตเฟซบุ๊กดังกล่าวได้มีการทักแชตไปสนทนากับผู้หญิงสาวที่เป็น เพื่อนในเฟซบุ๊กในลักษณะเชิงชู้สาว จํานวนกว่า 20 คน แต่ไม่ปรากฏว่าเกิดความเสียหาย หรือมีผู้หลงเชื่อ นอกจากนี้นายเชาวฤทธิ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง พร้อมกล่าวขอโทษที่ได้กระทำลงไป ส่วนสาเหตุที่ทำเพราะชื่นชอบในตัวของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อีกทั้งต้องการพูดคุยกับหญิงสาวเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาไปหลอกกลวงในทางอื่น อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ก่อเหตุมีบัตรประจำตัวผู้ป่วยของ รพ.จิตเวชสสระแก้วราชนครินทร์ ด้วย
ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการนำไปใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ อีกทั้งผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตเวช เป็นผู้ป่วย ซึ่งตนไม่ได้ติดใจเอาความ จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไม่ให้กระทำแบบนี้อีกไม่ว่ากับใครก็ตาม และไม่ได้ดำเนินคดี เพียงให้ทางเจ้าหน้าที่ประสานไปยัง รพ. เพื่อนำตัวส่งรักษา และทำบันทึกและตรวจสอบประวัติก่อนปล่อยตัวไป อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่ได้เล่นเฟชบุ๊ก ฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่าปัจจุบันเทคโนโลยีมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการติดต่อสื่อสารการที่จะพูดคุยกับใครจะต้องตรวจสอบโปรไฟล์ให้ดี ว่าบุคคลที่เราพูดคุยนั้นมีโปรไฟส์ชัดเจนหรือไม่ ในกรณีที่แอบอ้างเป็นตนหรือข้าราชการตำรวจสามารถตรวจสอบได้จากแอปพลิเคชันของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้มีการระบุข้อมูล ชื่อ-สกุล เบอร์โทรศัพท์ สังกัดรวมอยู่ในนั้น จึงอยากประชาสัมพันธ์เพราะห่วงพี่น้องประชาชนว่าจะตกเป็นเหยื่อ เพราะมีเคสลักษณะนี้ที่ไม่ตรวจสอบสุดท้ายถูกทำมิดีมิร้ายตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เกิดความเสียหายทั้งร่างกายและทรัพย์สิน .-สำนักข่าวไทย