กทม. 13 พ.ค.- “ทนายชินคุปต์” ยืนยันไม่รับทำคดี “แอม ไซยาไนด์” เหตุไม่รับสารภาพ และถูกแต่งตั้งเพียงให้คำปรึกษาในเรือนจำเท่านั้น ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” นำ “แก้ว” เพื่อนสนิทที่ได้รับกระเป๋าของ “ก้อย” เข้าพบในเรือนจำ พร้อมเตรียมออกหมายจับคนใกล้ชิด 1-2 คน ในสัปดาห์หน้า
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังจากที่เข้าไปสอบปากคำ “แอม” ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ กรณีที่พบผู้เสียชีวิตจากสารไซยาไนด์ รวม 14 คน เป็นครั้งที่ 2 และพา “แก้ว” เข้าพบในเรือนจำ โดย “แอม” รับสารภาพในประเด็นที่ส่งกระเป๋าและทรัพย์สินบางส่วนของ “ก้อย” ผู้เสียชีวิต ไปให้กับ “แก้ว” พยานในคดี เนื่องจากจำนนต่อหลักฐาน แต่ไม่ยอมรับว่าก่อเหตุฆาตกรรม รวมทั้งเงิน 50,000 บาท ของ “ก้อย” โดยอ้างว่าไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋า ส่วนโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟนของ “ก้อย” ยอมรับว่านำไปทิ้ง เนื่องจากสามารถติดตามพิกัดได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะเข้ามาสอบสวนอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ส่วนทองคำของนายแด้ อดีตสามี “แอม”ก็ยอมรับว่านำไปขายที่ร้านทอง แต่ปฏิเสธไม่รู้เรื่องที่นายแด้เสียชีวิต
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังระบุว่า “แอม” ให้การกับตำรวจทั้งหมดถึงสาเหตุการส่งทรัพย์สินของ “ก้อย” ไปให้ “แก้ว” แต่ขอไม่เปิดเผยเพราะต้องนำไปรวบรวมไว้ในสำนวนคดี ส่วน “แก้ว” จะเป็นผู้เสียหายหรือไม่ เพราะอ้างว่าเคยถูก “แอม” วางยาไซยาไนด์ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และ “แอม” ยังไม่มีความผิดร่วม เนื่องจากมีเจตนานำของกลางมาให้ตำรวจตรวจสอบ และเป็นที่ “แอม” ไว้วางใจ เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2563 และเป็นคนแนะนำให้รู้จักกับทนายพัช มาช่วยเหลือทางคดี
ส่วนการขอเปลี่ยนทนายความของ “แอม” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีผลทางคดี เป็นเพียงวิธีการของผู้ต้องหาเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะยังปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่จะเชื่อมโยงการก่อเหตุได้ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงข้อมูลเส้นทางการเงินที่รอตอบกลับมาจากธนาคาร รวมทั้งต้นตอผู้สั่งสั่งซื้อไซยาไนด์ให้กับ “แอม” เชื่อว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการในบางคดีได้ภายในสัปดาห์หน้า นอกจากนั้น จะแจ้งข้อกล่าวหาและขอศาลออกหมายจับกับผู้ใกล้ชิด “แอม” 1-2 คน ในสัปดาห์หน้าเช่นกัน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าทำหน้าที่อะไรบ้าง
ส่วนการพูดคุยกับ “แอม” วันนี้ยังคงร้องไห้สลับกับหัวเราะ ไม่มีความเครียดมากนัก ส่วนก่อนหน้านี้ที่ทนายพัช ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ว่า “แอม” ไม่ต้องการให้บุคคลใดเข้ามาพบ รวมทั้งพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ด้วย ก็เห็นว่า “แอม” ไม่มีท่าทีที่จะไม่ให้เข้าพบ และไม่ได้ถามถึงในประเด็นดังกล่าว และการที่เข้ามาพบวันนี้ เป็นความต้องการของ “แก้ว” พยานในคดี ไม่ได้เป็นการตามใจผู้ต้องหา แต่หลังจากที่ “แก้ว” มาพร้อมกับตำรวจวันนี้ “แอม” มีท่าทีระแวง ไม่ไว้ใจ “แอม” เนื่องจากไปออกรายการโทรทัศน์ และอยู่กับตำรวจ แต่ไว้ใจทนายพัชมากกว่า ส่วนหลังจากนี้จะเรียกทนายพัช มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการพิจารณา
ขณะที่นายชินคุปต์ ที่ถูก “แอม” แต่งตั้งให้เป็นทนายเพื่อขอคำปรึกษาในเรือนจำ ก็ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นทนายความให้กับ “แอม” โดยวันที่เข้าไปพบเพราะเข้าไปพบลูกความของตัวเอง แต่ “แอม” ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกันให้มาขอคำปรึกษา ก็จึงต้องแต่งตั้งทนายตามระเบียบของการเข้าพบผู้ต้องขัง พร้อมยืนยันว่า จะไม่เป็นทนายความในคดีให้ เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ซึ่งยากต่อการต่อสู้คดี เพราะในครั้งแรกที่จะเข้าให้คำปรึกษา เข้าใจว่า “แอม” จะรับสารภาพ และจะบอกถึงขั้นตอนการต่อสู้คดี ซึ่งในมุมมองของนักกฎหมายก็เห็นว่า คดีนี้หากจะต่อสู้คดีก็เป็นเรื่องยาก เนื่องจากพยานหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อมวลชนค่อนข้างชัดเจน .-สำนักข่าวไทย
