ศาลแพ่ง 7 เม.ย. – ศาลแพ่งนัดไต่สวนฉุกเฉินคำร้องของ “ชูวิทย์” ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามพูดถึงหรือกล่าวพาดพิงพรรคภูมิใจไทย กรณีเกี่ยวกับกัญชา
หลังจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ห้ามให้นายชูวิทย์พูดถึงหรือกล่าวพาดพิงพรรคภูมิใจไทย กรณีเกี่ยวกับกัญชา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นัดไต่สวนฉุกเฉินคำร้องของนายชูวิทย์ ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว โดยนายชูวิทย์เดินทางมาร่วมฟังการไต่สวนและให้การในฐานะพยานด้วยตนเอง คาดว่าน่าจะให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการไต่สวน
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายชูวิทย์ลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระบุว่า ศาลใช้เวลาไต่สวนประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เป็นอันยุติ เนื่องจากพยานหลักฐานที่ตนนำมาเสนอต่อศาลนั้นครบถ้วนแล้วฟังเป็นข้อยุติ ระหว่างนี้ต้องรอการพิจารณาของศาลว่าจะมีคำสั่งอย่างไร หากมีคำสั่งแล้วจะแจ้งให้ทราบภายหลัง
โดยวันนี้ตนนำผลการวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับข้อเสียของกัญชาที่มีผลต่อเด็กและเยาวชน รวมถึงผลเสียของกัญชา มายื่นเสนอต่อศาล ซึ่งศาลรับฟังไว้พิจารณา และยังกล่าวต่อศาลว่าเนื่องจากนโยบายตัดกัญชาออกจากยาเสพติดนั้น ย่อมเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย จึงจำเป็นต้องพูดถึงพรรคดังกล่าว ซึ่งเป็นนโยบายสาธารณะที่ประชาชนพึงมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า นี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่พรรคการเมืองยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อปิดปากประชาชน อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยใกล้จะถึงช่วงเลือกตั้ง จึงพยายามจะใช้มาตรการทางกฎหมายทุกวิถีทางในการปิดปากตน ทั้งที่นโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย เป็นนโยบายสาธารณะที่ประชาชนพึงมีสิ่งวิพากษ์วิจารณ์ได้ ตนจึงมองว่านี่เป็นการกระทำแก้แค้นของพรรคภูมิใจไทย เพราะตนพูดแฉเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีส้มและที่ดินเขากระโดง
หลังจากนี้ตนจะยังคงเดินหน้าวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสียของกัญชาต่อไป ไม่กังวลเรื่องข้อกฎหมายและรอผลคำสั่งของศาล ซึ่งไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไร ตนก็เคารพและปฏิบัติตาม เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นพรรคที่เสนอนโยบายกัญชาเสรี ถ้าเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจริง ควรจะต้องออกมาพูดปราศรัยตอบโต้หรือเอาข้อมูลมาโต้แย้งตนมากกว่าใช้กฎหมายปิดปากประชาชนเช่นนี้.-สำนักข่าวไทย