“รังสิมันต์ โรม” ให้ปากคำนำพยานหลักฐานยื่นมัด ส.ว.ทรงเอ

สำนักงานอัยการสูงสุด 21 มี.ค. – “โรม” ให้ปากคำนำพยานหลักฐานยื่นมัด “อุปกิต” ส.ว. จี้ออกหมายจับ ด้าน “วัชรินทร์” รอง อธ.สอบสวน เผยคืบหน้าเร่งคดีใกล้สอบเสร็จเเล้ว เตรียมเรียก ส.ว.สอบ คาดสิ้นเดือนนี้ เสนอ อสส.สั่ง ได้


นายรังสิมันต์ โรม อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล เดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานในการดำเนินคดีนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ที่มีข้อครหาพัวพันขบวนการฟอกเงินการค้ายาเสพติดของทุนมินลัต

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ วันนี้ตนก็มั่นใจในพยานหลักฐานที่มีแต่คนในกระบวนการยุติธรรมทั้งหลายควรทำตัวเองให้มีประโยชน์ด้วยไม่ใช่ปล่อยให้คดีมันเฉื่อยชาเป็นแบบนี้ แล้วถ้าตนจำไม่ผิดคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร เมื่อเดือน ม.ค.นี้เอง จนถึงก่อนที่มีความชัดเจนว่าเป็นคดีนอกราชฯ ทำไมตำรวจ บช.ปส.ปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้


ตนก็มีความคาดหวังว่าพนักงานอัยการจะทำหน้าที่ของตน ให้มีประสิทธิภาพ ดูจากการที่ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ปฏิบัติงานมา ตนก็ค่อนข้างมีความคาดหวัง เพราะดูแล้วท่านก็ให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรม ก็หวังว่าคดีนี้ทางอัยการสูงสุดจะให้ความสำคัญเช่นกัน มิฉะนั้นอาจจะถูกคนครหาไปต่าง ๆ นานาที่จะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ถ้าตนเป็นอัยการหรือตำรวจตอนนี้ตนออกหมายจับ ส.ว.ทรงเอ ไปแล้ว เพราะถ้าเกิดการหลบหนีขึ้นมาใครรับผิดชอบ

เมื่อถามว่ามั่นใจหลักฐานที่นำมาหรือไม่ เมื่ออีกฝ่ายก็ดำเนินการฟ้องนายรังสิมันต์ คดีทางอาญาเช่นกัน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะดำเนินคดี ทางตนก็มีพยานหลักฐานอยู่ที่นำมาวันนี้เป็นเพียง บางส่วนหากทางอัยการต้องการตนก็กลับไปนำมาเพิ่มให้ได้มีเยอะ แต่ก็เชื่อว่า ทางอัยการมีหลักฐานมากกว่าตน คิดง่ายๆ ว่านายทุนมินลัตโดนอย่างไร สว.ทรงเอ ก็ควรโดนอย่างนั้น เพราะพยานหลักฐานชุดเดียวกัน แล้วที่อ้างว่าในช่วงโควิดนั้นด่านต่างๆ มีการปิดตนต้องขอบอกว่ามันมีอีกหลายวิธีการ และโอนเงินได้ในช่วงนั้น การที่ ส.ว.ทรงเอ จะอธิบายชี้แจงอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ตนก็ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของตนได้ทำต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อภิปรายในสภาฯ ตนเป็นห่วงว่าสุดท้ายคดีนี้จะเกิดการล้มคดี

เมื่อถามว่ามีการยุบสภาไปแล้วทางนายรังสิมันต์ ก็จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางกฎหมายจะมีผล ต่อการสู้ในเรื่องต่างๆหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทันทีที่ปิดสมัยประชุมก็จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับตอนออกหมายจับตัว ส.ว.ทรงเอ ก็ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเช่นกัน ดังนั้นถ้าตั้งแต่วันนั้นก็สามารถออกหมายจับได้ ไม่ได้เป็นการล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติอย่างไร ทั้งนี้ตนไม่ได้เป็น ส.ส.แล้วก็คงมีข้อจำกัดในเรื่องที่ตนต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งด้วยก็ต้องแบ่งเวลาจัดการบริหารมากกว่า แต่ในเรื่องนี้ตนก็ยังจะเดินหน้าต่อไป และตนก็มั่นใจว่าแค่ดูพยานหลักฐานที่ตนมี สามารถนำทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้แล้ว ต่อไปก็เป็นการพิจารณาของศาลทำหน้าที่ ว่าสุดท้ายจะจบอย่างไร


โดยนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานอัยการร่วมสอบสวนที่อัยการสูงสุดได้ตั้งขึ้น กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายรังสิมันต์ ได้เคยยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด โดยอ้างว่ามีพยานหลักฐาน 13 ฉบับ อัยการสูงสุดซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนในความผิดนอกราชอาณาจักรตาม ป.วิอาญามาตรา 20 จึงได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการสอบสวนกับ บช.ปส.3 ร่วมกันเป็นพนักงานสอบสวน เเละคณะพนักงานสอบสวนประชุมร่วมกันเเล้วเห็นควรว่าเมื่อนายรังสิมันต์ อ้างว่ามีพยานหลักฐานดังกล่าว ทางคณะทำงานสอบสวนจึงเรียกมาสอบในฐานะพยานและให้ยื่นเอกสารเข้าสู่สำนวนการสอบสวน เพื่อที่จะได้เป็นการสอบสวนที่ถูกต้องเป็นระบบ ผ่านชุดพนักงานสอบสวนที่อัยการสูงสุดได้ตั้งขึ้น

สำหรับความคืบหน้าในคดีขณะนี้มีอยู่ 2 ส่วน ส่วนที่ 1.คือคดีทุนมินลัต กับพวกซึ่งอัยการได้ยื่นฟ้องไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ส่วนที่ 2 นี้เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกันเราก็เลยรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ พร้อมทั้งอาศัยพยานหลักฐานในชุดเดิม รวมถึงการสอบสวนเพิ่มเติมใหม่ จากเดิมที่อัยการสูงสุดได้สั่งสอบเพิ่มเติมไว้ 4 ประเด็น ซึ่งได้ทำการสอบหลักฐานสำคัญเสร็จไปเเล้ว 3 ประเด็น โดยตั้งแต่ได้รับมอบหมายตั้งเเต่ 26 ม.ค.ทางคณะทำงานงานก็ทำงานกันไม่หยุด จนถึงปัจจุบันก็ทำงานกันมาตลอด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการล่าช้าแต่อย่างใด และในช่วงอีก 2-3 วันนี้ ทางคณะทำงานสอบสวนก็จะเดินทางไปสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ด้วย ซึ่งภายในเดือนนี้คาดว่าสรุปสำนวน เสนอไปยังอัยการสูงสุดพิจารณาซึ่งยืนยันว่าจะทำสำนวนให้รวดเร็วที่สุด

“คดีนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรเป็นไปตาม ป.วิอาญามาตรา 20 เป็นอำนาจอัยการสูงสุดแต่ผู้เดียว คณะทำงานจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ดีที่สุดเพื่อนำเสนอ อสส. จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จในสิ้นเดือนนี้ ให้ อสส.เป็นผู้พิจารณาว่าจะฟ้องหรือไม่อย่างไร “

เมื่อถามว่าจะต้องเรียกนายอุปกิต มาสอบสวนด้วยหรือไม่ นายวัชรินทร์ กล่าวว่า อันนี้แน่นอน ถ้าพยานหลักฐานที่กำลังจะเดินทางไปสอบสวนนี้เเล้วเสร็จจะนำพยานหลักฐานที่เสร็จสิ้นแล้วมาเพื่อสอบสวนต่อ เพราะว่าเราทำการสอบสวนไม่ได้เพื่อที่จะสอบสวนไปเพื่อที่จะแจ้งข้อหาหรือจับนายอุปกิตก่อน แล้วค่อยสอบสวนหาพยานหลักฐาน แต่เราจะทำจากการหาพยานหลักฐานทั้งหมดให้ครบถ้วน แล้วค่อยพิจารณาว่านายอุปกิตได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา หรือไม่ จึงค่อยจะพิจารณาทำการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะถ้าเราไปแจ้งข้อกล่าวหาเลยก่อนที่จะมีพยานหลักฐานระยะเวลาต่างๆ ตามกฏหมาย มันจะมีระยะเวลาในการทำงานตาม ป.วิอาญา มาตรา 113 แต่ถ้าเราสอบสวนพยานทุกอย่างเสร็จสิ้น ชัดเจนเเล้ว ตรงนี้มันจะเป็นแนวทางการสอบสวนที่ถูกต้อง ก็คือการสอบทั้งสองฝ่ายทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาเรียกว่าจะต้องดูพยานหลักฐานที่คณะทำงานกำลังทำกันอยู่

ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้อัยการได้เชิญนายรังสิมันต์ มาให้ถ้อยคำ จากการที่ นายรังสิมันต์ ได้ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดขอส่งหลักฐานเอกสาร เพื่อประกอบการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2566 โดยขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาพยานหลักฐานที่คุณรังสิมันต์ อ้างถึงทั้งหมดตามเอกสารเพื่อพิจารณาในการสั่งคดีที่มีการกล่าวหา ส.ว. ซึ่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งให้สำนักงานการสอบสวนพิจารณาดำเนินการ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อัยการสำนักงานการสอบสวนได้ทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติดเสพติด 3 คณะทำงานของอัยการและพนักงานสอบสวนจึงพิจารณาประชุมร่วมกันและเชิญนายรังสิมันต์ โรม มาให้ถ้อยคำและส่งมอบเอกสารต่างๆ ที่อ้างถึงเข้าสู่สำนวนการสอบสวน ในวันนี้ (21 มี.ค.) โดยมีนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนและนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีฯ เข้าร่วมกำกับการสอบสวน พร้อมกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 สำนักงานอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายตามพยานหลักฐานตามนโยบายของอัยการสูงสุดในการใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองสังคมโดยเคร่งครัด. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย