กรุงเทพฯ 22 ก.พ. – “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” สั่งทีมพนักงานสอบสวนเข้าร้องทุกข์ที่ จ.ขอนแก่น ดำเนินคดี ตม. 107 คน กรณีละเว้นและเรียกรับผลประโยชน์
จากกรณี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผลกรณีกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เดินทางเข้ามาอยู่อาศัยในราชอาณาจักรเพื่อกระทำผิดกฎหมาย ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในกรณีดังกล่าวดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลจนทราบว่ากลุ่มทุนจีนสีเทาสามารถอยู่ในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายได้อย่างไร
ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่าการต่อวีซ่าให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทาได้มีการใช้มูลนิธิ สมาคม หรือโรงเรียนสอนภาษา ในการอ้างอิง เพื่อแนบเป็นหลักฐานส่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในการขออยู่ต่อ ซึ่งมูลนิธิ หรือโรงเรียนสอนภาษาเหล่านี้ หลายที่ไม่มีการดำเนินการจริง ไม่มีการเรียนการสอนจริง หรือในบางพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคอยช่วยอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปลอมแปลงลายเซ็นฝ่ายปกครอง การใช้ชื่อมูลนิธิที่ไม่มีที่ตั้งอยู่จริง หรือแม้กระทั่งการต่ออายุวีซ่าให้โดยที่ไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน เป็นต้น ซึ่งมีการตรวจพบการทุจริตในลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ บก.ตม.4 และ 5 เป็นจำนวนมาก จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนพบความเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจำนวนมากถึง 107 คน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. ในฐานะพนักงานสอบสวน ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 107 คน ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เวฬุวัน จ.ขอนแก่น ในความผิดเกี่ยวกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการเรียกรับผลประโยชน์
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากชุดสืบสวนสอบสวนทำงานกันมาหลายเดือน เพื่อขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานหาความเชื่อมโยงต่างๆ จนพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการต่อวีซ่าให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทาในพื้นที่ บก.ตม.4 และ 5 จำนวน 107 คน ในวันนี้จึงให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ ซึ่งอยู่ในชุดสืบสวนสอบสวนที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หลังจากแจ้งความแล้ว จะรวบรวมพยานหลักฐานการดำเนินการทั้งหมด เพื่อรายงานให้ ผบ.ตร. ทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย