รวบ “บังมัส” หัวหน้าแก๊งค้ายาส่งพัสดุ

กรุงเทพฯ 26 ม.ค. – ตำรวจ 191 รวบ “บังมัส” หัวหน้าเครือข่ายยาเสพติด พร้อมพวก นำยาส่งพัสดุเอกชนให้ลูกค้า ยึดยาบ้า 200,000 เม็ด ไอซ์อีก 6 กก.


พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการ สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่งานสายตรวจ 3 แถลงผลจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ นายวัลลภ หรือมัส อายุ 37 ปี และพวก รวม 5 คน บริเวณภายในร้านแห่งหนึ่งในเขตบึงกุม ต่อเนื่อง บ้านพัก ใน ซ.ประเสริฐมนูกิจ 42 เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พร้อมยึดยาบ้า 200,000 เม็ด ไอซ์ 6.33 กิโลกรัม อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ 3 กระบอก และเครื่องกระสุน รถยนต์ 6 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน และเงินสด 100,000 บาท

คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 สืบสวนเครือข่ายยาเสพติด นายวัลลภ หรือบังมัส จนเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565  สามารถจับกุมนายดลพร หรือเจต กับพวกรวม 2 คน พร้อมยาบ้า 841,800 เม็ด ไอซ์ 9 กิโลกรัม ซึ่งเป็นยาเสพติดที่กำลังจัดส่งกระจายไปสู่ผู้ค้ารายย่อยผ่านระบบขนส่งพัสดุเอกชน โดยส่วนมากจะกระจายไปสู่จังหวัดภาคใต้ โดยการจับกุมครั้งนั้นได้ขยายผลพบข้อมูลยืนยันว่ามีนายวัลลภ หรือบังมัส เป็นหัวหน้าเครือข่ายระดับสั่งการที่ควบคุมการรับยาเสพติด เก็บซุกซ่อน กระจายจัดส่งยาเสพติดไปให้กับผู้ค้ารายย่อย


จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 พบกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดนี้ได้ใช้รถยนต์ตู้ขนกล่องพัสดุไปส่งร้านพัสดุย่านนวลจันทร์ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ ปรากฏว่าภายในกล่องพัสดุเป็นยาบ้า 200,000 เม็ด ยาไอซ์  2 กิโลกรัม โดยกล่องพัสดุระบุชื่อและที่ผู้รับในพื้นที่ภาคใต้ และทำการจับกุมนายถาวร, นายเปเล่ และ น.ส.สุพรรณี ผู้ต้องหา 3 คน ที่นำพัสดุดังกล่าวมาส่ง โดยทั้งหมดให้การตรงกันว่ามีนายวัลลภ หรือบังมัส เป็นผู้สั่งการเจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลเข้าไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 55/160 พบตัวนายวัลลภ หรือบังมัส และยาไอซ์อีก 3.5 กิโลกรัม พร้อมอาวุธปืนพกสั้นพร้อมกระสุน 3 กระบอก และยังจับกุมนายสิงห์ณรงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวที่ใช้ซุกซ่อนยาเสพติด

เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์,ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งกระทำเพื่อการค้า และการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง