สตช. 9 ม.ค.- “พล.ต.อ.วิสนุ” จเรตำรวจแห่งชาติ เผยคณะกรรมการได้เชิญ “ชูวิทย์” เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคลิปวิดีโอคดีผับจินหลิงบ่ายวันนี้ (9 ม.ค.) จากนั้นจะเชิญ ผบช.น.และผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงอีกครั้ง ยืนยันเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา 15 วัน ย้ำจะตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน ครบถ้วน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจับกุม ผับจินหลิง ย่านยานนาวา เผยเวลา 14.00 น. วันนี้คณะกรรมการได้เชิญนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคลิปวิดีโอที่ปรากฏต่อสาธารณะ ทั้งหมดในขณะนี้ หรือข้อสงสัยส่วนอื่น ๆ ที่นายชูวิทย์ ยังติดใจสงสัย ตั้งข้อสังเกตมีเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นในส่วนของนายชูวิทย์แล้ว จากนั้นจะมีการเชิญผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจผู้เกี่ยวข้อง มาชี้แจงและให้ข้อมูลกับคณะกรรมการอีกครั้ง โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำหนด 15 วัน พร้อมยืนยันคณะกรรมการจะตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน ครบถ้วน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดนี้ มี พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ท.โพธ สวยสุวรรณ จเรตำรวจ (สบ8), พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ8), พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชนวีร์ ชมาฤกษ์ รองจเรตำรวจ (สบ7) พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง ผบก.กต 6 จต., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พล.ต.ต.เจนกมล คำนวล ผบก.จต.8 จต. และคณะกรรมการรวม 15 นาย ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 2/2566 ลงวันที่ 3 ม.ค.66 ที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ลงนามแต่งตั้ง ให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ในทุกประเด็นเพื่อให้เกิดความกระจ่างแก่สังคม โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 15 วัน
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังการสืบสวนทางลับทราบเบาะแส มีรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน (รอง ผกก.สส.) สังกัด บช.น. ก็อปปี้ข้อมูลในส่วนที่รับผิดชอบคดีไปเผยแพร่ภายนอก ทำให้เสียรูปคดี เนื่องจากตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลแล้วตรงกับแผ่นชาร์ตข้อมูลที่นายชูวิทย์ นำไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนนั้น เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการยังไม่แล้วเสร็จ
ขณะที่ความคืบหน้าการสอบสวนขณะนี้ คดีนี้สอบพยานไปแล้ว 400 ปาก ยื่นคำร้องขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับรวม 37 คน มีทั้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 สมคบกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ และข้อหาฟอกเงิน จับกุมแล้ว 19 คน เหลืออีก 18 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุม ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งหมด 114 คน ในจำนวนนี้รวมคดีเสพด้วย และ คาดว่าจะสรุปสำนวนเสนออัยการสูงสุดพิจารณาฟ้องคดีต่อศาลได้ ภายในวันที่ 20 ม.ค.นี้. -สำนักข่าวไทย