“อู๋ ธรรพ์ณธร” แจ้งเอาผิดร้านออนไลน์หลอกขายหมวก

กทม. 24 ธ.ค.- “อู๋ ธรรพ์ณธร” ควงภรรยา “ครูเก๋า กรวิวรรณ์” เข้าแจ้งความกองปราบ เอาผิดร้านออนไลน์ หลอกขายหมวก “ฉ้อโกงประชาชน”


วันนี้ (24 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.20 น. นาย ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หรือ “อู๋ ธรรพ์ณธร” นักร้องดัง และนางสาว กรวิวรรณ์ ศรีพันธุ์ หรือ “ครูเก๋า-กรวิวรรณ์” (ภรรยา) พร้อมทนาย ได้เดินทางเข้าแจ้งความ ต่อพนักงานสอบสวน กองปราบ พหลโยธิน กรณีสั่งซื้อหมวกจากร้านออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊ก ในราคา 1,500 บาท แต่พอโอนเงินไปแล้วกลับไม่ส่งของ จึงมาแจ้งความเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม เนื่องจากมีประชาชนโดนหลอกเป็นจำนวนมาก

โดยอู๋ ธรรพ์ณธร กล่าวว่า ในช่วงภาวะโควิดระบาด ตนจึงเข้าไปช้อปปิ้งออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงสัมผัสโรค ประกอบกับในช่วงเวลานั้น ถูกใจหมวกปานามามือสองจากเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง จึงตัดสินใจสั่งซื้อในราคา 1,500 บาท โดยตนโอนเงินไปเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา พอ 3 วันผ่านไป ตนยังไม่ได้รับหมวกดังกล่าว จึงได้สอบถามไปยังแอดมินเพจ ซึ่งเจ้าตัวยังคงยืนยันว่ามีสินค้าและจะส่งให้ตน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับ ล่าสุดไปเช็กในเพจเมื่อวานนี้ พบว่าตนถูกบล็อกช่องทางการติดต่อสื่อสารทั้งหมด จึงเข้าไปสืบประวัติของเพจนี้ พบว่าเป็นมีลูกค้ารายอื่น ๆ ถูกหลอกในลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก ถึงแม้มูลค่าความเสียหายของแต่ละคน มีไม่มาก แต่เมื่อนำมารวมกัน พบว่ามีมูลค่าสูงพอสมควร


ดังนั้น ตนจึงมาแจ้งความเพื่อพิทักษ์สิทธิ เมื่อเจ้าของเพจดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพ และอยากเรียกร้องให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อออกมาแสดงตัวและแจ้งความดำเนินคดี ทำให้เป็นคดีตัวอย่าง เพราะมันไม่ควรเกิดเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ เราอยู่ในสังคมเดียวกันก็ไม่ควรเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ต้องมีความซื่อสัตย์ระหว่างกัน อีกทั้งในยุคข้าวยากหมากแพง เงินแพง 1,500 บาท หรือ 100 บาท ก็มีความสำคัญต่อเจ้าของเงิน

นอกจากนี้ อู๋ ธรรพ์ณธร ยังกล่าวติดตลกอีกว่า ที่ร้ายแรงและสำคัญที่สุดจึงมาแจ้งความ เนื่องจากเสียฟอร์มที่ถูก ครูเก๋า-กรวิวรรณ์ ภรรยาของตนบ่นตลอดที่เสียเงินโดยไม่ได้สินค้า ขณะที่ครูเก๋า กรวิวรรณ์ ภรรยาของอู๋ ธรรพ์ณธร หัวเราะทันทีที่สามีแซวตนต่อหน้านักข่าว

ด้านนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความที่ปรึกษาคดี กล่าวว่า จากพฤติการณ์ของแอดมินเพจนี้ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีการโฆษณาชักชวนซื้อขายสินค้า มีการรับโอนเงินจากลูกค้าโดยไม่ส่งสินค้าให้ ประกอบกับมีการบล็อกช่องทางการสื่อสาร ปิดเพจหนี ซึ่งเจตนาชัดเจนว่าต้องการหลอกลวงประชาชนทั่วไป จึงเข้าองค์ประกอบความผิดคดีฉ้อโกงประชาชนทันที แม้ขณะนี้มีผู้เสียหายแค่คนเดียวมาแจ้งความก็ตาม พร้อมฝากทิ้งท้ายถึงบรรดาผู้ประกอบการขายของทางออนไลน์ว่าขอให้มีความซื่อสัตย์สุจริต อย่าฉวยโอกาสในการเป็นมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนเช่นนี้ อยากให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง ถึงแม้จะสามารถจับกุมมิจฉาชีพได้ 1 รายแต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้สังคมสงบสุขได้ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก