กรุงเทพฯ 6 ก.ย.- วินจักรยานยนต์ พร้อมน้องชาย ที่ก่อเหตุรุมทำร้ายพ่อของแร็ปเปอร์ เข้ารับทราบข้อหากับพนักงานสอบสวน อ้างทำไปเพราะถูกยั่วยุก่อน
นายหนุ่ย อายุ 37 ปี และนายชา อายุ 32 ปี น้องชาย ผู้ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายพ่อแร็ปเปอร์หนุ่มไฮฮอต ที่หน้าร้านสะดวกซื้อในซอยบางแวก 79 ย่านภาษีเจริญ จนได้รับบาดเจ็บเลือดออกในสมอง และมีภาพปรากฏตามสื่อโซเชียล เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางเสาธง โดยสาเหตุมาจากทั้งคู่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน นายหนุ่ย เคยถูกกลุ่มแรปเปอร์ใช้อาวุธมีดฟันแขนเกือบขาด เมื่อมาเจอกันด้วยมีความแค้นฝังใจอยู่แล้ว จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
นายหนุ่ย ระบุว่ากรณีการทะเลาะวิวาทล่าสุด เกิดขึ้นเพราะคู่กรณีเดินเข้ามาหาเรื่อง โดยทำทีว่ามาขอยืมไฟแช็ก ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจว่าคนที่ไม่ถูกกันเหตุใดจึงมาขอยืมไฟแช็กกัน แต่ยังไม่ทันไร คู่กรณีก็เริ่มพูดจาถากถาง และยังพูดถึงคดีว่าจะไม่ยอมจบ จึงทำให้ตนเองเริ่มไม่พอใจ และเริ่มชกต่อยคู่กรณี โดยฝั่งตนเองมีเพียงตนเองที่มือเจ็บอยู่ กับน้องชายอีกคนเท่านั้น ไม่ได้มีคนอื่น และตนเองได้ตบไปที่พ่อของคู่กรณี 2 ครั้ง และต่อย 1 ครั้งเพียงเท่านั้น จึงไม่เชื่อว่าอาการจะสาหัสตามที่คู่กรณีมีการออกมาโพสต์ในโซเชียล อยากให้รอผลการตรวจของแพทย์
ส่วนเหตุการณ์ที่ตนเองถูกฟันแขน ขอยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีการพาพวกไปล้อมตามที่คู่กรณีอ้าง แต่เป็นพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยล้อมไม่ให้คนก่อเหตุหนี ซึ่งเหตุการณ์ที่ตนเองถูกฟัน ตนเองก็ไม่ได้เป็นคู่กรณี แต่เป็นเพียงพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยแยกไม่ให้ตัวแร็ปเปอร์หนุ่มมีเรื่องกับป้าขายหมูปิ้ง ซึ่งตนเองได้ไล่เพื่อนของแร็ปเปอร์ที่ชื่อเจมส์ ให้เข้าบ้านไปด้วยการปาขวดพลาสติกไปเพื่อให้แยกย้าย ก่อนที่นายเจมส์ จะเข้าบ้านไปก่อนเปิดประตูกลับมาเริ่มฟันใส่ตนเอง พอตนเองโดนฟันก็มีคนช่วยไปโรงพยาบาล ซึ่งไปในสภาพสาหัสจะหมดสติ เพราะเสียเลือด และไม่สามารถโทรตามใครมาล้อมคู่กรณีได้ และขนาดมีพลเมืองดีช่วยกันล้อมแล้ว ยังมีทางฝั่งคู่กรณีหลบหนีไปได้ 1 คน ส่วนเรื่องรถคู่กรณีที่อ้างว่าถูกรื้อทำลาย ยืนยันว่าพวกตนเองไม่ได้เป็นคนรื้อ และไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ส่วนตัวเองที่ถูกฟันแขนลึกถึงกระดูก ก็ยังไม่รับการเยียวยาจากคู่กรณีแต่อย่างใด
ขณะที่วันนี้ก็เดินทางเข้ามาเพื่อรับทราบข้อหา ส่วนเรื่องว่าจะมีปัญหาอะไรกับคู่กรณีต่อหรือไม่ ทางฝั่งตนเองยืนยันว่าถ้าไม่ถูกหาเรื่อง ก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพราะฝั่งตนเองไม่ใช่คนเริ่มก่อนอยู่แล้ว
ด้านพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ไว้ก่อน โดยยังไม่แจ้งข้อหา เพราะต้องรอใบรับรองอาการบาดเจ็บจากแพทย์มาประกอบการพิจารณาตั้งข้อหาที่จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุต่อไป.-สำนักข่าวไทย