ชัวร์ก่อนแชร์: จัดปาร์ตี้โรคหัดช่วยสร้างภูมิ-ป้องกันโรคมะเร็ง จริงหรือ?

29 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคหัดในสหรัฐอเมริกา มีข่าวปลอมเกี่ยวกับโรคหัดและวัคซีนป้องกันโรคหัดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าการปล่อยให้มีการติดเชื้อโรคหัดตามธรรมชาติส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย และยังมีหลักฐานการวิจัยที่พบว่าไวรัสที่ก่อโรคหัดสามารถใช้บำบัดผู้ป่วยมะเร็งได้อีกด้วย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : โรคหัดเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ เกิดจากการติดเชื้อมีเซิลส์ (Measles) สามารถแพร่เชื้อทางละอองเสมหะและละอองลอย ไวรัสโรคหัดมีค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน (R0) ที่ 12-18 หรือผู้ติดเชื้อ 1 รายสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้เฉลี่ย 12-18 ราย ถือเป็นเชื้อโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้ในวงกว้างมากที่สุด ไวรัสโรคหัดมีระยะฟักตัวประมาณ 9-11 วัน แต่การแพร่เชื้อมักเริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยยังไม่แสดงอาการ อาการสำคัญของโรคหัด ได้แก่ มีไข้และน้ำมูกไหล ตามด้วยการออกผื่นแดงตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า ผู้ป่วยบางรายที่เกิดภาวะแทรกซ้อนอาจมีความอันตรายถึงชีวิตได้ ปัจจุบันโรคหัดสามารถป้องกันได้จากการฉีดวัคซีน MMR วัคซีนรวมที่ใช้สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคหัดในสหรัฐฯ รายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) เมื่อวันที่ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: สีของขี้หูบอกปัญหาสุขภาพ จริงหรือ?

27 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายกับลักษณะของขี้หูเผยแพร่ทาง Facebook ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าสีของขี้หูบ่งบอกปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่นขี้หูสีเทา เกิดจากการสัมผัสมลพิษทางอากาศ ขี้หูสีแดง เกิดจากการบาดเจ็บที่หูชั้นใน ขี้หูสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากความเครียด ขี้หูสีดำ เกิดจากการติดเชื้อรา ขี้หูสีขาว เกิดจากการขาดวิตามิน บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : สีของขี้หู ขี้หูเป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความชุ่มชื้นในรูหูและป้องการกันติดเชื้อในช่องหู ขี้หูที่สร้างขึ้นมาใหม่จะมีสีอ่อน แต่ถ้าหากอยู่ในช่องหูเป็นเวลานาน การทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจะทำให้ขี้หูมีสีเข้มขึ้น เช่น สีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ แม้สีของขี้หูจะเปลี่ยนไป เช่น เปลี่ยนเป็นสีแดง อาจจะเกิดจากการมีเลือดออกในช่องหู ถือเป็นอาการที่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่สัญญาณที่บ่งบอกปัญหาในช่องหูมีอีกหลายอย่าง เช่น อาการเจ็บหู สูญเสียการได้ยิน อาการเวียนศีรษะ หรือการมีของเหลวไหลออกจากหู ซึ่งล้วนเป็นอาการที่บ่งบอกปัญหาสุขภาพหูที่ชัดเจนกว่าการสังเกตสีของขี้หู สีของขี้หูที่น่ากังวล ข้อมูลจากเว็บไซต์ของสถาบันการแพทย์ Cleveland Clinic […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨 : ระวัง ! ไลน์ปลอมแอบอ้างการไฟฟ้า หลอกประชาชน

26 มีนาคม 2568 ระวัง! มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หลอกลวงประชาชนผ่านไลน์ปลอม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ออกโรงเตือนภัยประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่กำลังแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. ให้บริการผ่านบัญชีไลน์ปลอม โดยเฉพาะการหลอกลวงประชาชนให้เพิ่มเพื่อนในไลน์ไอดีหมายเลข 0824800401 กฟภ. ขอย้ำชัดเจนว่าบัญชีไลน์ดังกล่าวไม่ใช่บัญชีทางการของ กฟภ. และ กฟภ. มีช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันไลน์เพียงช่องทางเดียวเท่านั้นคือ LINE Official Account ชื่อว่า “@PEAThailand” ซึ่งจะมีสัญลักษณ์โล่สีเขียวปรากฏอยู่ข้างหน้าชื่อบัญชี ประชาชนควรตรวจสอบให้ดี อย่าหลงเชื่อบุคคลหรือบัญชีไลน์ที่ไม่เป็นทางการที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. โดยเด็ดขาดหากได้รับข้อความหรือการติดต่อที่น่าสงสัย ขอให้ติดต่อสอบถามกับ กฟภ. โดยตรงผ่านช่องทางต่อไปนี้เท่านั้น

ชัวร์ก่อนแชร์: ยาสูดพ่นรักษาเสียงอื้อในหู จริงหรือ?

26 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการรักษาเสียงอื้อในหูเผยแพร่ทาง Facebook ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าปัจจุบันมีการจำหน่ายยาสูดพ่นที่มีส่วนประกอบของสาร SPI-1005 ซึ่งมีคุณสมบัติบำบัดอาการเสียงอื้อในหู โดยมีการใช้ภาพวิดีโอของ เควิน คอสเนอร์ นักแสดงและผู้กำกับรางวัลออสการ์มาช่วยโพรโมตผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าจะช่วยรักษาอาการเสียงอื้อในหูภายใน 28 วัน บทสรุป : 1.เสียงอื้อในหู (Tinnitus) ยังไม่มียารักษาให้หายขาด2.ยา SPI-1005 เพื่อรักษาเสียงอื้อในหู ยังอยู่ในระหว่างการทดลอง3.ยา SPI-1005 ทดลองเพื่อใช้สำหรับกิน ไม่ใช่เพื่อการสูดดม FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : อย่างไรก็ดี โฆษณาที่ใช้ เควิน คอสเนอร์ มายืนยันสรรพคุณยา ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปวิดีโอ Deepfake ที่สร้างโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่บทสัมภาษณ์ของจริงแต่อย่างใด นอกจากนี้ อาการเสียงอื้อในหู ยังเป็นกลุ่มอาการที่ยังไม่มียารักษาให้หายขาดในปัจจุบันอีกด้วย เสียงอื้อในหู (Tinnitus) สถาบันโรคหูหนวกและความผิดปกติด้านการสื่อสารแห่งชาติสหรัฐฯ (NIDCD) […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨 : กฟภ. ย้ำชัด ไม่มีการบริการผ่านไลน์ ฝ่ายมิเตอร์ไฟฟ้า ! 

25 มีนาคม 2568 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ออกประกาศเตือนภัยประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. ให้บริการผ่านบัญชีไลน์ปลอม โดยเฉพาะการแอบอ้างเป็น “ฝ่ายมิเตอร์ไฟฟ้า” ซึ่งกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ กฟภ. ได้รับรายงานว่ามีมิจฉาชีพสร้างบัญชีไลน์ปลอมโดยใช้ชื่อและภาพโปรไฟล์ที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. และมีการใช้ LINE ID: 11296755 เพื่อหลอกลวงประชาชน โดยอ้างว่าให้บริการด้านมิเตอร์ไฟฟ้า กฟภ. ขอยืนยันว่าบัญชีไลน์ดังกล่าวไม่ใช่บัญชีทางการของ กฟภ. และ กฟภ. มีช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการผ่าน LINE Official Account: @PEAThailand ซึ่งมีโล่สีเขียวเท่านั้น ประชาชนควรระมัดระวังและอย่าหลงเชื่อบุคคลหรือบัญชีไลน์ที่ไม่เป็นทางการที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. และหากได้รับข้อความหรือการติดต่อที่น่าสงสัย ขอให้ตรวจสอบข้อมูลกับ กฟภ. โดยตรงผ่านช่องทางต่อไปนี้เท่านั้น

ชัวร์ก่อนแชร์: หูฟังคือตัวการทำหูหนวก จริงหรือ?

24 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : หนึ่งในความเชื่อที่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปัญหาด้านการได้ยิน ได้แก่การอ้างว่าสาเหตุของการหูหนวกคือการฟังเพลงจากหูฟัง โดยเชื่อว่าการที่ลำโพงของหูฟังอยู่ใกล้กับหูชั้นกลางและหูชั้นใน คือสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาด้านการได้ยิน บทสรุป : 1.ผลกระทบจากเสียง มาจากความดังของเสียง ไม่ใช่ระยะทางระหว่างหูและแหล่งกำเนิดเสียง2.แต่พฤติกรรมการเปิดเสียงดังแข่งกับเสียงรบกวนจากภายนอก อาจสร้างผลเสียต่อผู้ที่ใช้หูฟัง3.ทางแก้คือใช้หูฟังชนิดที่สามารถป้องกันเสียงรบกวนหรือใช้โปรแกรมตัดเสียงรบกวน FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : แท้จริงแล้ว ความเชื่อดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตามความเห็นของ ดร.คอรี พอร์ตนัฟ นักโสตสัมผัสวิทยา มหาวิทยาลัยโคโลราโด ซึ่งชี้แจงว่า ผลกระทบต่อการได้ยิน มาจากระดับความดังที่หูสัมผัส ไม่เกี่ยวกับระยะทางระหว่างหูและแหล่งกำเนิดเสียง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า ระดับเสียงในสิ่งแวดล้อมที่ต่ำกว่า 60 เดซิเบล ไม่ส่งผลต่อสุขภาพด้านการได้ยิน ไม่ว่าจะฟังนานเท่าใด แต่การฟังเสียงในสิ่งแวดล้อมที่ดังกว่า 70 เดซิเบลเป็นเวลานาน อาจสร้างปัญหาด้านการได้ยินในอนาคต ดร.คอรี พอร์ตนัฟ แนะนำสูตรการใช้หูฟังโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพด้านการได้ยิน คือสูตร 80/90 หรือการฟังเสียงจากหูฟังแค่ […]

ความเสี่ยงหูหนวกจากการเล่นเกม

22 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ปัญหาการสูญเสียการได้ยินจากสื่อบันเทิง มักถูกเชื่อมโยงกับการฟังเพลงเป็นหลัก แต่ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยเกี่ยวกับการได้ยินในกลุ่มนักเล่นเกมจำนวนมาก หลังงานวิจัยพบว่าระดับเสียงจาหการเล่นเกมอยู่ในระดับที่ใกล้ขีดจำกัดหรือเกินขีดจำกัดระดับเสียงที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน ขณะที่ปัจจุบันมีการประเมินว่า ทั่วโลกมีนักเล่นเกมมากกว่า 3 พันล้านคน ปัญหามลภาวะทางเสียงจากการเล่นเกมจึงเป็นสิ่งที่สังคมไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป ไม่ควรฟังเสียงดังเกิน 85 เดซิเบล นานเกิน 8 ชั่วโมง เมื่อปี 1972 สถาบันความปลอดภัยและอนามัยในการทำงานแห่งชาติฯ (National Institute for Occupational Safety and Health) ได้กำหนดว่า การฟังเสียงดังเกิน 85 เดซิเบล นานเกิน 8 ชั่วโมงในสถานที่ทำงาน จะส่งผลเสียต่อการได้ยินของมนุษย์ แหล่งกำเนิดเสียงที่มีความดังเกินระดับ 85 เดซิเบล ได้แก่ ในร้านอาหาร ล็อบบี้โรงแรม และในสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน บนถนนที่สภาพการจราจรหนาแน่น เสียงรถไฟหรือรถบรรทุกวิ่งผ่าน เสียงไซเรน ตลอดจนเสียงการทำงานของเครื่องเป่าผมและเครื่องดูดฝุ่น งานวิจัยชี้เกมจำนวนมากเสียงดังเกิน 85 […]

ชัวร์ก่อนแชร์: เคี้ยวหมากและใบพลู ฆ่าเชื้อในปาก ต้านโควิด-มะเร็ง จริงหรือ?

21 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโรคมะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งช่องปากเผยแพร่ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการเคี้ยวหมากและใบพลู มีคุณสมบัติที่ดีหลายอย่างต่อร่างกาย ทั้งฆ่าเชื้อในปาก ต้านการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้านการเกิดมะเร็ง บทสรุป : WHO ประกาศให้การเคี้ยวหมากและใบพลู เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในช่องปาก แม้จะเคี้ยวโดยไม่ร่วมกับการใช้ยาสูบก็ตาม FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : แต่เดิมมีความเชื่อว่าใบพลูที่กินร่วมกับหมากจะมีคุณสมบัติด้านการฆ่าเชื้อในปาก แต่การที่หมากและใบพลูเป็นยาเสพติดชนิดอ่อน การเคี้ยวหมากและใบพลูอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายตามที่กล่าวอ้างแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งหลายชนิด เมื่อปี 2003 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การเคี้ยวหมากและใบพลู เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในช่องปาก แม้จะเคี้ยวโดยไม่ร่วมกับการใช้ยาสูบก็ตาม ข้อมูลจากการศึกษาเมื่อปี 1985 พบว่า การเคี้ยวหมากและใบพลูร่วมกับการใช้ยาสูบมีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ หลังพบพฤติกรรมดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแต่ในทวีปเอเชีย แต่รวมถึงกลุ่มผู้อพยพชาวเอเชียที่ไปอาศัยในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย เมื่อการเปรียบเทียบพบว่า กลุ่มผู้อพยพที่นิยมเคี้ยวหมากกับใบพลู มีสัดส่วนเป็นมะเร็งในช่องปากมากกว่าประชากรท้องถิ่น ข้อมูลพบว่าการเคี้ยวหมากกับใบพลู ร่วมกับการใช้ยาสูบ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งในช่องปาก […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดวิธีแก้ท้องเสีย จริงหรือ ?

19 มีนาคม 2568 – บนโซเชียลมีการแชร์สารพัดวิธีแก้ท้องเสีย ทั้งเตือนท้องเสียไม่จำเป็นต้องกินยา ให้ดื่มนมเปรี้ยว หรือน้ำอัดลมใส่เกลือ เชื่อว่าจะช่วยให้อาการท้องเสียดีขึ้นได้ ?! 🎯 ตรวจสอบกับ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รศ.ดร.เอกราช เกตวัลห์ อาจารย์ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ผศ.(พิเศษ)นพ.ปิยะพันธ์ พฤกษพานิช อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร รพ.จุฬาลงกรณ์ 5 เรื่องฮิตเกี่ยวกับวิธีแก้ท้องเสียที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย  ข้อควรระวัง ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, อัครวุฒิ ตู้วชิรกุลเรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ชัวร์ก่อนแชร์ Motor Check : หลุมพรางของรถยนต์ไฮบริด ที่ผู้ผลิตรถไม่อาจพูดถึง จริงหรือ ?

18 มีนาคม 2568 – ตามที่มีการแชร์เตือนผู้ใช้งานรถยนต์ ถึงหลุมพรางของรถยนต์ไฮบริด ที่ผู้ผลิตรถอาจไม่พูดถึง เช่น ชิ้นส่วนอะไหล่แพงมหาโหด และหาอู่ซ่อมยากกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ นั้น บทสรุป : ❌ ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ ❌  ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ สุรมิส เจริญงาม นักทดสอบและผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ (สัมภาษณ์วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568) ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรถยนต์ไฮบริด ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : ณัฐพล อินทร์สวัสดิ์เรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

งานวิจัยมะเร็งหลอดอาหารกับการดื่มน้ำอัดลม

19 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล มีการนำความนิยมของการดื่มน้ำอัดลม ไปเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) ที่เพิ่มขึ้นถึง 350% นับตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970s เป็นต้นมา นำไปสู่การวิจัยถึงความสัมพันธ์อย่างแพร่หลาย แต่ผลการเชื่อมโยงมะเร็งหลอดอาหารกับการดื่มน้ำอัดลมยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะมีทั้งงานวิจัยที่ไม่พบความสัมพันธ์และงานวิจัยที่พบว่าการดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารเช่นกัน งานวิจัยปี 2006 ของ Yale ไม่พบว่าการดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารชนิด EAC จุดประสงค์งานวิจัยมาจากข้อสันนิษฐานเรื่องการดื่มน้ำอัดลมทำให้เกิดอาการท้องอืด รบกวนการทำงานของหลอดอาหารส่วนล่าง และความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มน้ำอัดลมกับอาการจุกเสียดแน่นท้องในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) แต่ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเยล เมื่อปี 2006 นำโดย ซูซาน เมย์น ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาและสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ ได้เปรียบเทียบกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งจำนวน 1,095 ราย และกลุ่มควบคุม 657 ราย เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลม ทั้งแบบธรรมดาและแบบไม่มีน้ำตาล ทีมวิจัยพบว่า การบริโภคเครื่องดื่มน้ำอัดลมไม่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) โดยเฉพาะน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล และการบริโภคมากเกินไปไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหารหรือมะเร็งกระเพาะอาหารชนิดย่อยใด ๆ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ KEYWORD : Pet humanization ? — เทรนด์สุดฮิต เลี้ยงสัตว์เหมือนลูก

15 มีนาคม 2568 – สิ่งนี้…คือ พฤติกรรมการให้ความสำคัญกับการเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก และ สิ่งนี้ …เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในสังคมปัจจุบันจนกลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ คือคำว่าอะไร ? มาร่วมไขคำตอบของคำปริศนากัน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ อาจารย์ ธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล (สัมภาษณ์เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2568) ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : จิรัชยา นวลนิ่มน้อย และ จิราภา อ่อนเกลี้ยงเรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

1 23 24 25 26 27 309
...