การเมือง สกู๊ปพิเศษ

สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศส่งมอบผลการดำเนินงานตลอดเวลาเกือบ 2 ปี ให้นายกรัฐมนตรี ก่อนหมดวาระการดำรงตำแหน่งต้นเดือนสิงหาคม

มีความชัดเจนในการพิจารณาคดีช่วงที่กฎหมายคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังไม่ประกาศใช้ พร้อมผลกระทบที่ตามมา ซึ่งเป็นการชี้ชะตาอนาคตของนักการเมืองที่ต้องคดีด้วย.

เปิดตัวไปแล้วอย่างไม่เป็นทางการสำหรับ “สัญญาประชาคม” ที่รัฐบาลมุ่งหวังให้เป็นทางออกความขัดแย้งของคนภายในประเทศ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าจะสร้างความปรองดองได้จริงหรือไม่

วันนี้เป็นการประชุมนัดสุดท้ายของ สปท. โดยจะสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่งวันที่ 3 ส.ค. ก่อนส่งมอบงานให้นายกรัฐมนตรีในช่วงปลายเดือน ส.ค. ตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมามีภาระงานฝากไว้ให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศชุดใหม่มารับไม้ต่อหลายประเด็น

รัฐบาลชูจุดเด่น 3 ข้อในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ให้เป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 หนึ่งในนั้นก็คือ เป็นสนามบินที่มีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสูง วันนี้เราจะพาไปดูการฝึกซ้อมการกู้ภัยในสนามบิน

แม้จะเริ่มงานได้ไม่นาน แต่การทำงานของคณะกรรมการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมด้านตำรวจเริ่มเป็นรูปร่าง เกี่ยวกับโครงสร้างตำรวจ จากแนวคิดการกระจายอำนาจ ไปสังกัดหน่วยงานอื่น

มีร่างกฎหมายลูก 1 ฉบับที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยที่น่าสนใจ เพราะหากบังคับใช้จะมีผลต่อคดีของนักการเมืองหลายคน โดยเฉพาะที่ยังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ

นายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่าการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตและประพฤติมิชอบ ผ่านช่องทางต่างๆ เกิดความล่าช้ามาก จึงเป็นที่มาของการตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในวันนี้

เมื่อปี 2534 เคยมีเหตุการณ์วิกฤติตุลาการ ซึ่งเป็นปัญหาในการแต่งตั้งตำแหน่งประธานศาลฎีกา ทำให้มีการวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ปัจจุบันจะซ้ำรอยอดีต

“ไพรมารีโหวต” วิธีการที่จะนำมาใช้ในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.เพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ที่อาจจะเป็นการเลือกตั้งในครั้งหน้า เริ่มมีความกังวลจากบรรดาแกนนำพรรคการเมือง