กรุงเทพฯ 30 พ.ย.-แวดวงการเมืองไทยต้องสูญเสียบุคคลสำคัญอีกครั้ง หลังจากนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน รวมถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา
ผู้ใกล้ชิดของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่านายสุรินทร์ ถึงแก่อนิจกรรมด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ด้วยวัย 68 ปี หลังมีอาการหน้ามืดเป็นลม ก่อนที่ญาติได้นำตัวส่งโรงพยาบาลรามคำแหง เบื้องต้นจะมีการทำพิธีที่บ้านท่าอิฐ จ.นนทบุรี ในวันศุกร์ที่ 1 ธันวาคมนี้
นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2492 เป็นคนบ้านตาล ต.กำแพงเซา อ.เมืองนครศรีธรรมราช โดยชีวิตครอบครัวสมรสกับ อลิสา พิศสุวรรณ เมื่อปี 2526 มีลูกชายด้วยกัน 3 คน ในอดีตเคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และยังเป็นอาจารย์พิเศษประจำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน ตั้งแต่ 1 มกราคม 2551-1 มกราคม 2556 นับเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้
ประวัติการศึกษาจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยแคลร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาเอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกาเช่นกัน โดยได้ทุนจากร็อกกี้เฟลเลอร์
หลังจากนั้น ดร.สุรินทร์ ได้เริ่มทำงานในตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนผันตัวเองเข้าสู่แวดวงทางการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากนั้นได้เป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช ติดต่อกัน 7 สมัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529, เคยดำรงตำแหน่งเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร, ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทั่งในปี 2551 ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน เป็นระยะเวลา 5 ปี
ผลงานสำคัญในทางการเมืองรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ถือว่าโดดเด่นอย่างมาก โดยในปี 2540 เคยเจรจากับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระงับความขัดแย้งกรณีช่วงชิงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก หรือ WTO ระหว่างศุภชัย พานิชภักดิ์ กับ ไมค์ มัวร์ อดีตนายกฯ นิวซีแลนด์ ที่มีสหรัฐหนุนหลัง กระทั่งนำไปสู่การผลัดกันดำรงตำแหน่งคนละ 3 ปี
นอกจากนี้ ยังเป็นคีย์แมนเจรจาของงบจากญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไทย-ฟิลิปปินส์ ในติมอร์-เลสเต จำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2551 นายสุรินทร์ มีส่วนสำคัญในการผลักดันในประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ให้สัตยาบันต่อกฎบัตรอาเซียน และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน 10 ชาติ ตระหนักและรู้จักอาเซียน
และนี่คือข้อคิดสำคัญของนายสุรินทร์ ที่เคยแพร่เผยต่อสาธารณชน “ชีวิตผมไม่ใช่ข้อยกเว้น เพียงแต่เราต้องปรับโครงสร้างทางสังคมต่างๆ เพื่อเปิดทางให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงโอกาสได้อย่างเท่าเทียม และที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องให้โอกาสตัวเองได้หวัง ได้ฝัน และก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ไปได้ ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง” ธรรมศาสตราภิชาน “สุรินทร์ พิศสุวรรณ” .-สำนักข่าวไทย