ลุ้นวันนี้! ศาล รธน.ลงมติคดี “คลิปเสียง “แพทองธาร” คุย “ฮุนเซน”

กรุงเทพฯ 29 ส.ค. – ลุ้นวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียง “แพทองธาร” คุย “ฮุนเซน” วันนี้ (29 ส.ค. 68) เวลา 09.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาหารือ ทำความเห็นส่วนตน เพื่อส่งให้ประธานศาลศาลรัฐธรรมนูญ จัดทำคำวินิจฉัยกลางเพื่อเตรียมแถลง และในเวลา 15.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะขึ้นบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยจะมีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้รับชม ส่วนความเคลื่อนไหววันนี้ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกศาลสั่งพักงาน” จะเดินทางเข้าทำเนียบฯ ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. น.ส.แพทองธาร จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามการอ่านคำวินิจฉัยด้วยตนเอง และเตรียมแถลงข่าวหลังศาลมีคำตัดสิน โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยทยอย เดินทางเข้ามาให้กำลังใจ จากนั้นเวลา 15.00-16.00 น. สส.พรรคเพื่อไทย จะเข้าให้กำลังใจนายกฯ ไม่ว่าผลออกมาบวกหรือลบ ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.แพทองธาร มอบหมายให้ตัวแทนไปรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาล นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากพรรคการเมืองต่างๆ ที่ติดตามเรื่องนี้ ที่สื่อหลายสำนักรายงานออกมาตรงกันคือ10.00 น. […]

งัดอัยการศึกคุมพื้นที่ “ บ้านหนองจาน” หลังกัมพูชาก่อจลาจล

29 ส.ค.- งัดอัยการศึกคุมพื้นที่ “ บ้านหนองจาน” ขีดเส้นถนนศรีเพ็ญ เป็นแนวรักษาความสงบ ห้ามพกพาอาวุธ ห้ามใช้เครื่องขยายเสียงโดยพลการ ประกาศกองกำลังบูรพา เรื่อง การกำหนดพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย โดยจังหวัดสระแก้ว มีพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ อำเภอคลองหาด อำเภอวัฒนานคร อำเภอวังสมบูรณ์ และอำเภอวังน้ำเย็น นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชา ได้นำประชาชนเข้ามาก่อเหตุจลาจลในราชอาณาจักรไทยพื้นที่บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคนเพื่อป้องกันประเทศ ให้พ้นจากภัยคุกคามดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิบไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องกำหนดพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย รวมถึงมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้กำหนดพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย แนวรักษาความสงบเรียบร้อย และมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้พื้นที่บ้านหนองจาน ตำบลโนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง […]

“จิราพร” เปิดเทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ ดันเศรษฐกิจ 14 จังหวัดภาคใต้

สงขลา 28 ส.ค.-“จิราพร” เปิดเทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ ดันเศรษฐกิจ 14 จังหวัดภาคใต้ ผ่านโมเดล “เศรษฐกิจแห่งความสบายใจ” เชื่อมโยงการท่องเที่ยวและคุณภาพชีวิต นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2568 (Pakk Taii Design Week 2025) ซึ่งเป็นความร่วมมือของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับจังหวัดสงขลา จังหวัดในภาคใต้ และเครือข่ายพันธมิตร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม – 7 กันยายน 2568 ที่ลาน Creative Market (ลานจอดรถเทศบาลฯ) ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายกเทศมนตรีนครสงขลา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คณะกรรมการ คณะที่ปรึกษา ตลอดจนผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ภาคีเครือข่ายจาก 14 จังหวัดภาคใต้ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด นางสาวจิราพร กล่าวว่าภาคใต้เป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยทุนวัฒนธรรมอันโดดเด่น ธรรมชาติที่งดงาม และภูมิปัญญาท้องถิ่น […]

“มาริษ” เชื่อมั่น “แพทองธาร” ได้ไปต่อ กรณีคลิปเสียงคุย “ฮุน เซน”

สวิตเซอร์แลนด์ 28 ส.ค.-“มาริษ” เชื่อมั่น “แพทองธาร” ได้ไปต่อ กรณีคลิปเสียงคุย “ฮุน เซน” กระทำถูกต้องตามหลักเจรจา ย้ำไทยดึงกัมพูชากลับมาเวทีทวิภาคี เป็นผลงานของรัฐบาลที่นำโดย “แพทองธาร” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ นายมาริษ กล่าวว่า ตนไม่กังวลและเชื่อมั่นในความตั้งใจและปรารถนาดีของของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร จากการที่ได้ทำงานร่วมกับท่าน โดยเฉพาะในกรณีของคลิปเสียง ตนได้ยืนยันว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามหลักของการเจรจาอยู่แล้ว และจากสาระที่หารือ ก็ไม่ได้เป็นการยอมรับหรือให้อะไรต่อทางกัมพูชา แต่เป็นความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาโดยสันติวิธี ดังนั้นทั้งการกระทำและสาระที่นายกฯ พูดคุยกับฮุน เซน ประธานพฤฒิสภาของกัมพูชา ถือเป็นแนวปฏิบัติสากลอยู่แล้ว และสาระในการพูดคุยก็ไม่ได้ให้ประโยชน์ใดต่อกัมพูชา และความพยายามแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ตนทำมา ก็เป็นแนวทางที่ได้หารือกับนายกฯ มาโดยตลอด และช่วงที่ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯก็ยังแสดงความเป็นห่วงและสอบถามตลอดเวลา แต่ในทางปฏิบัติ ตนก็ทำงานร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องและเป็นเนื้อเดียวกัน นายมาริษ กล่าวว่า ความพยายามของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหา ขอให้เชื่อมั่นว่าเราพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้ความถูกต้องเป็นหลักการที่นานาประเทศยอมรับ ดังนั้นตนก็มั่นใจในความตั้งใจจริงของนายกรัฐมนตรีและคิดว่าสังคมจะเข้าใจ […]

โฆษก กต. วอนมวลชนบ้านหนองจาน เลี่ยงการเผชิญหน้า

กทม. 28 ส.ค.-โฆษก กต. วอนมวลชนบ้านหนองจาน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ชี้สถานการณ์ตึงเครียดสูงอยู่แล้ว พร้อมแถลงประณามกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิด มั่นใจมีการวางแผนทำร้ายฝ่ายไทยอย่างเป็นระบบ-ไร้อารยะ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลประเภท PMN-2 ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ขณะที่ทำการลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในเขตแดนไทย ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ครั้งที่ 6 ที่เกิดความสูญเสียจากอาวุธร้ายแรงที่ไร้มนุษยธรรมนี้ว่า ประเทศไทย ขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างชัดเจน อีกทั้งเป็นการละเมิดข้อตกหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังระบุว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อได้ว่า ฝ่ายกัมพูชา น่าจะมีการวางแผนใช้ทุ่นระเบิดมาอย่างเป็นระบบตลอดพื้นที่แนวชายแดนเพื่อเจตนาคุกคามทำร้ายฝ่ายไทย โดยเฉพาะจุดเกิดเหตุอยู่ในเขตพื้นที่ภายในเส้นปฏิบัติการฝั่งไทย ตามคำกล่าวของเจ้ากรมกิจการชายแดนทหารที่ว่า “ทุ่นระเบิดไม่ใช่หลักเขตแดน แต่เป็นอาวุธที่ไร้มนุษยธรรม ทำให้ทุพพลภาพและคร่าชีวิตผู้คนโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า” การลอบวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาสะท้อนถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์และเป็นการกระทำที่ไร้อารยะ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ตอกย้ำความสำคัญและความจำเป็นที่ไทยจะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งสนับสนุนให้รัฐภาคีต้องแจ้งหากมีเหตุการณ์ทุ่นระเบิด และแจ้งให้ประชาคมโลกรับทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าวของกัมพูชา […]

“มาริษ” คุย ICRC ยื่นหลักฐานกัมพูชาใช้โล่มนุษย์-วางทุ่นระเบิดเกิดเหตุซ้ำ

สวิตเซอร์แลนด์ 28 ส.ค.-“มาริษ” คุย ICRC ยื่นหลักฐานกัมพูชาใช้โล่มนุษย์-วางทุ่นระเบิดเกิดเหตุซ้ำ ยันละเมิดสิทธิมนุษยชนสากล ยกกรณีบ้านหนองจานเป็นพื้นที่ที่ไทยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมร่วมกับ ICRC ยุคสงครามกลางเมือง ประธาน ICRC ชื่นชมไทยใช้ความอดทนอดกลั้น ยึดมั่นกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ผ้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสวิตเซอร์แลนด์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบ นางมีรยานา สปอลยาริส เอ็กเกอร์ (Mirjana Spoljaric Egger) ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) นายมาริษเปิดเผยภายหลังการหารือว่าวันนี้ได้นำหลักฐานที่ไทยยื่นประท้วงกัมพูชาต่อรัฐภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขณะเดียวกันตนได้อธิบายถึงสิ่งที่ไทยประสบปัญหากับกัมพูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร และวันนี้มาใช้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่กัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์กดดันประเทศไทย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศทุกอย่าง นายมาริษ ได้ย้ำต่อประธาน ICRC ว่าไทยดำเนินมาตรการทุกอย่าง ทั้งมาตรการทางต่างประเทศและมาตรการทางทหาร สอดคล้องกับกฏบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศทุกประการ และการเดินทางมาครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ประเทศไทยใช้วิธีตอบสนองกับช่องทางในการสื่อสารที่เป็นทางการเท่านั้น ซึ่งประธาน ICRC ได้ชื่นชมที่ไทยใช้ความอดทนอดกลั้น ซึ่งจากสิ่งต่างๆ ที่ไทยทำ ทำให้การเดินทางมากรุงเจนีวาในครั้งนี้ได้รับการยอมรับว่าไทยยึดมั่นในกรอบจารีตประเพณีของประชาคมโลก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ […]

ภูมิใจไทย หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาล้ม MOU “นพดล” ห่วงมีผลเสียมากกว่าดี

รัฐสภา 28 ส.ค.-ภูมิใจไทย หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาล้ม MOU ด้าน “ณัฐพงษ์” เตือนให้รอบคอบรื้อข้อตกลง ขณะ “นพดล” ห่วงยกเลิกมีผลเสียมากกว่าดี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้ผู้เสนอญัตติเอ็มโอยู 43 และ 44 ทั้ง 5 คน ได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลของการเสนอญัตติแต่ละคน แต่เมื่อถึงตอนอภิปรายของสมาชิกจะให้เป็นการประชุมลับ โดย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ชี้แจงการเสนอญัตติว่า ความตั้งใจของพรรคภท.ที่เสนอญัตตินี้ เพราะอยากให้ศึกษากฎหมายต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศนำผลการศึกษามาให้ประชาชนตัดสินใจ เรื่องเอ็มโอยู 44 นับตั้งแต่มีการเซ็น ยังไม่เคยมีผลสรุปได้แม้แต่ครั้งเดียวว่าจะกั้นเขตหรือลากเส้นแบบใด ผ่านไปกี่ปีก็คุยไม่จบ ไม่รู้จะเดินหน้าหรือถอยหลัง หากจะให้ยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 จึงควรตั้งกมธ.มาพิจารณาศึกษาแล้วให้ประชาชนตัดสินใจผ่านการทำประชามติ การยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 ไม่ใช่จะล้างทุกอย่างทั้งหมด เหตุใดเราเป็นฝ่ายเดียวที่ยังกอดไว้ เป็นผลประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องอธิปไตย แต่คนที่ถูกกระทำวันนี้ มีแต่คนไทยและทหารไทยใช่หรือไม่ แม้หลังจากนี้จะประชุมลับ […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]

“วราวุธ” เผย พม. รับ ด.ช. 13 ปี-มารดา เข้าคุ้มครองสวัสดิภาพ

พม. 28 ส.ค.- “วราวุธ” เผย พม. รับ ด.ช. 13 ปี และมารดา เข้าคุ้มครองสวัสดิภาพตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) มาตรา 22 แล้ว ยืนยันการดูแลเด็กไม่ว่าสัญชาติ-เชื้อชาติใด ถ้าอาศัยอยู่ในประเทศไทย ต้องได้รับการคุ้มครอง นายวราวุธ  ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเด็กนักเรียนชายอายุ 13 ปี อาศัยอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมและควบคุมตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง ว่า กรณีดังกล่าวตนได้รับทราบข่าวจึงได้ประสานไปยังศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) จังหวัดสุรินทร์ และทีม พม.หนึ่งเดียวจังหวัดสุรินทร์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่ และทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ โดยประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อขอรับเด็กและมารดาเข้ารับการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพที่บ้านพักเด็กและครอบครัว (บพด.) จังหวัดสุรินทร์ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากนี้ไป ต้องเป็นการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะมีการดำเนินการในลักษณะใด แต่ในมิติของกระทรวง พม. จะต้องส่งเสริมให้เด็กได้รับการศึกษาและจัดที่พักอาศัยให้ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) มาตรา […]

“ภูมิธรรม” คุย ผบ.ตร. ก่อนประชุม ก.ตร. คาดปมหนังสือร้องเรียน

กทม. 28 ส.ค.-“ภูมิธรรม” คุย ผบ.ตร. ถกลับเข้ม ก่อนประชุม ก.ตร. คาดปมหนังสือร้องเรียน “บิ๊กเต่า” เป็นเหตุทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุดไม่ลงตัว ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน เรื่องที่ 2 รายงานผลตามมติ […]

“ภูมิธรรม” หารือ เอกอัครราชทูตอียู ขอบคุณสหภาพยุโรปหนุนงบช่วยพลเรือน

ทำเนียบ 28 ส.ค.-“ภูมิธรรม” หารือ เอกอัครราชทูตอียู ชื่นชมบทบาทส่งเสริมความสัมพันธ์-ความร่วมมือไทยและสหภาพยุโรป เดินหน้าเร่งรัดจัดทำ FTA พร้อมขอบคุณสหภาพยุโรปสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำไทยยึดมั่นกติกาสากล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายเดวิด เดลี (H.E. Mr.David Daly) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป( EU )ประจำประเทศไทย ในโอกาสอำลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการ นายภูมิธรรม กล่าวขอบคุณและแสดงความชื่นชมในบทบาทของเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ประจำประเทศไทยที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่จะสานต่อและขยายความร่วมมือกับสหภาพยุโรปให้แน่นแฟ้นและรอบด้านยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย–สหภาพยุโรปให้มีความมั่นคงและเข้มแข็งในทุกมิติ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย–สหภาพยุโรปที่มีพัฒนาการที่มั่นคงและก้าวหน้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยันถึงความพร้อมของสหภาพยุโรปที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดในการยกระดับความสัมพันธ์ให้มีความเข้มแข็ง ครอบคลุม และยั่งยืน ตลอดจนย้ำว่าการผลักดันกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างไทย-สหภาพยุโรป (Comprehensive Partnership and Cooperation Agreement – PCA) ถือเป็นกลไกการหารือทวิภาคีที่สำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในระยะยาว โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์และค่านิยมที่ทั้งไทยและสหภาพยุโรปมีร่วมกันอย่างรอบด้านและครอบคลุมทุกมิติ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้ด้านสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา รองนายกรัฐมนตรีฯ ขอบคุณสหภาพยุโรปที่ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยเหลือพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ตลอดจนแสดงความห่วงใยต่อเสถียรภาพ ความมั่นคง และสันติภาพของทั้งสองประเทศ พร้อมย้ำว่าการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปมีส่วนช่วยอย่างสำคัญต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และช่วยคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น โดยเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ได้แสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันถึงความตั้งใจและความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง […]

กสม. ออกแถลงการณ์เน้นย้ำหลักการประโยชน์สูงสุดของเด็ก

กสม. 28 ส.ค.-คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์เน้นย้ำหลักการประโยชน์สูงสุดของเด็ก หลังเกิดเหตุตำรวจเข้าจับกุมนักเรียนรหัส G ส่งกลับกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวกรณีครูเล่าถึงเหตุการณ์ที่นักเรียนชายวัย 13 ปี ซึ่งศึกษาอยู่ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถเข้าไปจับตัวในโรงเรียน ด้วยข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและพำนักอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเตรียมส่งตัวกลับไปยังประเทศกัมพูชา ทั้ง ๆ ที่เด็กได้รับการกำหนดรหัสประจำตัวนักเรียนรหัส G ซึ่งเป็นรหัสที่กำหนดให้แก่เด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาของไทยได้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอเน้นย้ำว่าอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม มีหลักการสำคัญระบุให้การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ไม่ว่าจะกระทำโดยสถาบันทางสังคม หรือองค์กรใด ผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก และรัฐภาคีต้องยอมรับสิทธิของเด็กที่จะได้รับการศึกษาบนพื้นฐานของโอกาสที่เท่าเทียมกัน กสม. เห็นว่า กรณีการจับกุมเด็กนักเรียนชายรายดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิเด็กและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องด้วยเป็นการจับกุมที่ไม่มีหมายจับ ไม่มีเหตุแห่งการกระทำความผิดซึ่งหน้า เด็กมีสถานะเป็นเพียงผู้ติดตามมารดาเข้าเมืองมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กและไม่มีเจตนาหลบหนี อีกทั้งการเข้าไปจับกุมเด็กในพื้นที่โรงเรียนอาจสร้างบาดแผลทางจิตใจให้แก่เด็กได้ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น การส่งตัวกลับประเทศต้นทางในทันทีอาจทำให้เด็กนักเรียนชายรายดังกล่าวซึ่งไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาประเทศบ้านเกิดได้ เสียสิทธิ ขาดโอกาสและความต่อเนื่องในการได้รับการศึกษาโดยสิ้นเชิง จากกรณีข้างต้น กสม. จึงขอเน้นย้ำหลักการสิทธิเด็กด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ขอให้การดำเนินการใด ๆ ของทุกฝ่ายคำนึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นที่ตั้ง โดยไม่ควรมีกรณีการจับกุมเด็กต่างชาติในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ กสม. ขอให้สังคมร่วมกันยุติการสร้างความเกลียดชังด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติในทุกรูปแบบเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมที่พึ่งพาอาศัยกันได้อย่างสันติ.-314.-สำนักข่าวไทย

1 73 74 75 76 77 5,768
...