การเมือง

“วิรัช” ปัดตอบกระแสข่าว ป.ป.ช. ชี้มูล ส.ส.พลังประชารัฐ 3 คน ในความผิดคดีโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล จ.นครราชสีมา ด้าน “อธิรัฐ” ระบุ ยังไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้

“ธนาธร” ชี้ ที่มา “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ใช่ประชาธิปไตย ขณะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ ที่มานายกรัฐมนตรีไม่ถูกครรลองกฎหมาย และรัฐธรรมนูญคือตัวปัญหา

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยวันที่ 23 ก.ค. ปชป.จะประชุมเพื่อพิจารณาเลือก ส.ส.ที่จะอภิปรายนโยบายรัฐบาล เพราะมีผู้แสดงความสนใจหลายคน ย้ำจะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์

กรุงเทพฯ 20 ก.ค.-นิพนธ์ บุญญามณีปฏิเสธข่าวไม่พอใจแบ่งงานในมหาดไทย ยืนยันพร้อมปฎิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย เตรียมบูรณาการโยบายรัฐบาล กระทรวง และประสบการณ์สู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่พอใจการแบ่งงาน ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เชิญหารือร่วมกันเกี่ยวกับภารกิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องดูแลและบูรณาการงานร่วมกัน ซึ่งรัฐมนตรี 3 คนเข้าใจในเรื่องเดียวกันและทิศทางตรงกัน เนื่องจากทุกกรมของกระทรวงมหาดไทยถือเป็นกรมหลักและมีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน  ภายใต้ภารกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” “พร้อมปฏิบัติตามสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการมอบหมายให้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเคยแสดงความสนใจผ่านสื่อว่าต้องการดูแลกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  เนื่องจากที่ผ่านมาเคยผ่านงานเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่เมื่อรัฐมนตรีว่าการ ให้ดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งถือเป็นกรมที่มีความสำคัญมากการดูแลป้องกันและช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศจากภัยพิบัติ และกรมที่ดิน ผมก็พร้อมทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และจะนำประสบการณ์งานท้องถิ่นมาบูรณการเพื่อพัฒนากลไกและขับเคลื่อนงานให้ดียื่งขึ้น” นายนิพนธ์ กล่าว  นายนิพนธ์ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์เปิดกว้างให้รัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คน เสนอแนะเชิงนโยบาย ทั้งด้านการกระจายอำนาจ การพัฒนาท้องถิ่นและอื่น ๆ จึงไม่มีอุปสรรคในการบริหารจัดการงานในกระทรวงอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วจะนำนโยบายของรัฐบาล นโยบายของพรรคและประสบการณ์ต่าง ๆ มาผสมผสานรวมเป็นนโยบายกระทรวงมหาดไทย ให้นำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นผลต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

กรุงเทพฯ 20 ก.ค.-รัฐบาลเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 25-26 ก.ค.นี้ น้อมนำปฐมพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 พร้อมกำหนดนโยบายเร่งด่วน 1 ปี แก้ปัญหาปากท้อง สานต่อสวัสดิการแห่งรัฐ ลดเหลื่อมล้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่รัฐสภากำหนดให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00 น. รวม 28 ชั่วโมง โดยรายละเอียดของร่างคำแถลงนโยบายกำหนดหลักการบริหารราชการในช่วง 4 ปี ยึดหลักการ  1. น้อมนำปฐมพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10  2. ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.พัฒนาประเทศตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มุ่งแก้ไขปัญหาปากท้อง การสร้างรายได้ให้ประชาชน ชุมชนและความเหลื่อมล้ำ สำหรับภาพรวมของนโยบาย 4 ปี ประกอบด้วย 1.ปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.สร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ 3.ทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม 4.การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก 5.การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย 6.การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค 7.การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก 8.ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย 9.สาธารณสุข ความเสมอภาคและสวัสดิการที่เหมาะสมกับกลุ่มประชชน 10.การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน […]

กรุงเทพฯ 20 ก.ค. พรรคอนาคตใหม่วางตัวส.ส.อภิปรายนโยบายรัฐบาลแล้ว ยันอยู่ในกรอบ แต่อาจพาดพิงรมต.ที่งานเดิมยังคั่งค้าง พร้อมเดินหน้าทำงานทั้งใน-นอกสภา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงแนวทางส.ส.พรรคอนาคตจะอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 25 – 26 กรกฎาคมนี้ ว่า วันที่ 21 กรกฎาคมจะประชุมหารือกับฝ่ายนโยบายที่พรรคอนาคตใหม่ เพื่อกำหนดประเด็นการอภิปรายตามกรอบเวลาที่ได้คือ 1 ใน 3 ของเวลารวมฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมงครึ่ง  “เบื้องต้นจัดวางผู้อภิปรายให้รับผิดชอบในแต่ละประเด็นคนละ 15-20 นาที เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะอภิปรายด้านการเกษตร นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ด้านคมนาคม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้านเศรษฐกิจ และตนเองจะอภิปรายด้านอุตสาหกรรม ภาพรวมพรรคอนาคตใหม่จะมุ่งอภิปรายตามกรอบนโยบายของรัฐบาล แต่ก็อาจจะพาดพิงรัฐมนตรีบางรายบ้าง จากผลงานเดิมที่มีปัญหา เช่น โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)” นายพิจารณ์ กล่าว ด้านายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว […]

กรุงเทพฯ 20 ก.ค.-กระทรวงต่างประเทศเตรียมเป็นเจ้าภาพประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง 29 ก.ค.-3 ส.ค.นี้ มีผู้แทนกว่า 30 ประเทศเข้าร่วม เข้าพบนายกฯ 31 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาและการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2562 ที่เซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นประธานการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและประธานร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้อง การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับผู้แทนคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 20 การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 9 การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 26 ทั้งนี้ ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา […]

กรุงเทพฯ 20 ก.ค.- นักวิชาการด้านเศรษฐกิจและการเมืองเชื่อรัฐบาลมีงบประมาณพอดำเนินนโยบายที่หาเสียงไว้ แนะปลูกจิตสำนึกเกลียดทุจริตตั้งแต่ในโรงเรียน ยอมรับปัญหาคอรัปชั่นแก้ไม่หมด แต่ทำให้น้อยลงได้ นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐกิจและการเมือง กล่าวถึงการใช้งบประมาณการดำเนินนโยบายรัฐบาลว่า ขณะนี้งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในปีนี้ ยังมีให้เบิกจ่ายพอสมควร เพราะมีสูงถึง 3.3 ล้านล้านบาท และยังมีงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่เตรียมพิจารณาอีก แต่เข้าใจว่ากว่าจะเบิกจ่ายได้ก็คงเป็นต้นปีหน้า จึงเชื่อว่า รัฐบาลจะมีเงินในปริมาณที่เพียงพอจะดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ให้ไว้กับประชาชนได้ด้วยงบประมาณที่มีอยู่ ไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังแน่นอน  ส่วนนโยบายรัฐบาลชุดนี้เป็นนโยบายประชานิยมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ต้องนิยามคำว่าประชานิยมใหม่อีกครั้ง เพราะไม่ได้หมายความในแง่ลบ แต่เป็นนโยบายที่เอาใจประชาชน เพราะฉะนั้นกรณีนี้จึงไม่ผิด เพียงแต่ว่ามีองค์ประกอบที่คนมองในแง่ลบ เพราะมาตรการเหล่านี้เกิดขึ้นในลาตินอเมริกา เช่น อาร์เจนตินาหรือเวเนซุเอลา ซึ่งมีลักษณะการเอาใจประชาชนจนเกินขอบเขต ทำให้กระทบต่อเสถียรภาพทางการคลัง ทำให้ประชาชนเสพติดและยังสร้างความผูกพันทางการเมือง แต่หากเป็นมาตรการที่ออกมาแล้วไม่มีผลกระทบเช่นนั้น จะไม่มีปัญหา  “เชื่อว่ามาตรการที่รัฐบาลออกมาไม่ส่งผลให้ประชาชนเสพติด จนกระทบกับเสถียรภาพทางการคลัง เพียงแต่มาตรการเหล่านี้ต้องนำมาใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น เพราะถ้าใช้บ่อย ๆ ประชาชนจะเสพติด ต้องยอมรับว่ามาตรการเหล่านี้ช่วยบรรเทาทุกข์ในระยะสั้น ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องโครงสร้าง ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำคือดำเนินมาตรการในเชิงโครงสร้างระยะยาว เช่น เรื่องพืชผลทางการเกษตร ต้องกำหนดเป้าหมายว่าเกษตรกรควรจะปลูกพืชผลอย่างไร และจัดโซนนิ่งการปลูกพืชผลอย่างไร รวมทั้งคำนึงถึงประสิทธิภาพในการผลิตเรื่องการขนส่งเรื่องการตลาดและการใช้เทคโนโลยี รวมทั้งเตือนภัยว่าในแต่ละช่วงไม่ควรปลูกพืชชนิดใด” […]

กรุงเทพฯ 20 ก.ค.- นักวิชาการแนะรัฐบาลกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ดึงเม็ดเงินจากเอกชนมาดำเนินนโยบายมากกว่าใช้งบที่มีอย่างเดียว สร้างบรรยากาศการมีส่วนร่วมแก้รธน. ชี้ปราบทุจริตคอร์รัปชั่นรัฐบาลผสมทำได้ยาก นายสติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงการใช้งบประมาณการดำเนินนโยบายของรัฐบาลว่า ปัญหาการดำเนินนโยบายอยู่ที่ตัวเงิน เพราะเมื่อพิจารณาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่มีอยู่จำนวน 3 ล้านล้านบาท น่าจะประมาณ 6 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้นที่จะใช้ดำเนินการตามนโยบายได้ ส่วนที่เหลือจะเป็นรายจ่ายประจำ ยอมรับว่ารัฐบาลพอจะมีเงินงบประมาณ แต่หากหมดไปกับนโยบายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาจไม่สามารถดำเนินนโยบายระยะอื่น ๆ ได้ หากรีบทำนโยบายเร่งด่วนทันทีจนเงินงบประมาณหมดไปกับนโยบายประเภทสานต่อ แล้วไม่มีเงินทำนโยบายระยะสั้นที่ต้องทำภายใน 1 ปี อาจเกิดปัญหาต่อเสถียรภาพของรัฐบาลระยะยาว  “โดยเฉพาะนโยบายมารดาประชารัฐ ที่จะมีผลต่อหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น อาจจะต้องดูให้ดี ต้องดูภาระผูกพันต่าง ๆ เหล่านี้ ดังนั้น รัฐบาลอาจต้องคิดถึงโมเดลอื่นเพื่อเติมเม็ดเงิน เพราะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปอยู่ที่ภาคเอกชน อาทิ มาตรการภาษี ดึงเงินจากภาคเอกชนหรือผลักภาระบางอย่างให้ภาคเอกชนที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย เพิ่มกำไรให้กับเอกชน เพื่อเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับรัฐ เพื่อให้เงินหมุนเวียน กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ไม่ใช่มุ่งเน้นแต่การใช้จ่ายของภาครัฐเพียงอย่างเดียว” นายสติธร กล่าว สำหรับนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท […]

ยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญของชาติ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง เพราะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติในทุกระดับ