กทม. 16 ก.พ. – “รุ้ง ปนัสยา” ยื่นจดหมายเปิดผนึก 5 หน่วยงานยุติธรรม เรียกร้องปล่อย 4 ผู้ต้องหา ม.112 ระบุศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง เผยเตรียมใจไม่รอดนอนคุกพรุ่งนี้ กรณีอัยการส่งฟ้องคดี ม.112 พร้อมรับผิดขอโทษคุมม็อบ 13 ก.พ.ไม่อยู่
น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้กระบวนยุติธรรมมีความเป็นกลางในการพิจารณาและดำเนินคดี รวมทั้งเรียกร้องให้มีการอนุญาตประกันตัว 4 ผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 โดย น.ส.ปนัสยา ได้ไปยื่นจดหมายเปิดผนึกที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นแห่งแรก ผ่าน น.ส. สิริยา หอมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สำนักงานศาลรัฐธธรรมนูญ และได้อ่านเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก
สาระสำคัญระบุว่า การที่ศาลปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม โดยให้เหตุผลว่าทั้ง 4 คน มีพฤติกรรมที่อาจกระทำความผิดซ้ำ เป็นการ “พิพากษาล่วงหน้า” ว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง และอาจทำซ้ำนั้น ขัดต่อหลักการสันนิษฐานว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของจำเลยทั้ง 4 คนอย่างชัดเจน ซึ่งการปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหาหรือจำเลยตาม มาตรา 112 ให้จองจำเอาไว้อย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่คดียังไม่ได้เริ่มการไต่สวน และผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี แต่ให้สิทธิในการประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยคดีอาญาอื่นๆ ที่มีอัตราโทษรุนแรง เช่น ต้องหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา อาจนำไปสู่การสร้างมาตรฐานอันไม่ชอบธรรม คือ ผู้ต้องหาในความผิดหมิ่นประมาทกษัตริย์ มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวมากกว่าคดีอาญาอื่นๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน รวมถึงผู้ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมในกรณีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์แล้ว ยังทำลายเกียรติภูมิของศาล และกระบวนการยุติธรรมไทย จนอาจถูกติฉินจากนานาอารยประเทศว่า ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองภายในประเทศ จนละทิ้งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิเพื่อชำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของศาล และความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม
น.ส.ปนัสยา ยังระบุว่า ในนามของ “ราษฎร” ขอเรียกร้องให้มีการอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน และผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมืองทั้งหมด และขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญา สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม และคำนึงถึงเกียรติ ศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะมีได้ก็ต่อเมื่อปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตต่อประชาชนเท่านั้น
น.ส.ปนัสยา ยังให้สัมภาษณ์ว่า ที่มายื่นจดหมายเพราะเราต้องการให้กระบวนการยุติธรรมมันแฟร์ แต่ในกรณีของ 4 แกนนำ การไต่สวนยังไม่เริ่มขึ้น เพิ่งส่งฟ้อง แปลว่าขั้นตอนการพิจารณาคดียังไม่เริ่มต้น ต้องได้รับการอนุมานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาล เวลานี้ยังเอาเขาไปขังไม่ได้ แต่ศาลกลับไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยศาลให้เหตุผลว่าอาจจะไปมีพฤติกรรมทำผิดซ้ำเท่ากับว่าศาลตัดสินว่าเขาทำผิดไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษา เขาจึงต้องถูกขังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดต่อหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งใช้ในศาลทั่วโลก จึงต้องมายื่นหนังสือถึงผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด โดยหวังว่าจะได้มีการปรับปรุงการทำงาน เพราะปัญหาในข้อเท็จจริงไม่ได้มีปัญหาเฉพาะแค่ศาล วันนี้ (16 ก.พ.) จึงจะไป 5 ที่ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญา รัชดาฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกฯ เพื่อบอกผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมว่าทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง จะตกเครื่องมือทางการเมืองเสียเองไม่ได้ การทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐต้องยึดเกียรติและศักดิ์ศรี
น.ส.ปนัสยา ยังกล่าวด้วยว่า ตนเองเตรียมใจไว้แล้วกับการที่วันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) อัยการจะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องตนเองในคดีมาตรา 112 หรือไม่ เพราะมันเป็นคดีเดียวกับทั้ง 4 แกนนำ เพราะธงมันออกมาชัดเจนแล้วว่าเขาต้องการให้เราเข้าไปถูกขังและไม่ได้รับการประกันตัว คาดเดาไว้ว่าพรุ่งนี้ (16ก.พ.) จะต้องถูกนำตัวเข้าเรือนจำ และแม้ตนจะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ก็คิดว่าไม่มีผลกระทบมากต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร เพราะยังมีคนอื่นที่พร้อมจะออกมาต่อสู้และยังมีมวลชนอีกมากมาย ทั้งนี้คาดหวังว่าสถานการณ์การชุมนุมหลังจากนี้หากตนเข้าไปอยู่ในเรือนจำ จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะจากเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เราก็ได้มีการพูดคุยเพื่อวางแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น ทำให้จากเดิมที่เตรียมจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาฯในวันนี้ ต้องเลื่อนออกไปก่อน แต่ยืนยันว่าจะมีแน่นอนซึ่งจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
น.ส.ปนัสยา ได้กล่าวขอโทษต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ก็จะมีกลุ่มที่ไม่ยึดแนวทางสันติวิธีเหมือนกับพวกราและมวลชนอีกหลายกลุ่ม ซึ่งพวกเราก็พยายามจะจัดการเรื่องนี้ให้ได้มาโดยตลอด แต่ในวันนั้นยอมรับว่าเราควบคุมไม่ได้ อันนี้เรายอมรับผิดจริงๆ เราควบคุมตรงนี้ไม่ได้ ผิดที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของหลายๆ คน ต้องขอโทษที่เราควบคุมไม่ได้ แต่หลังจากนี้ทุกอย่างจะรัดกุมและครอบคลุมขึ้นจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก และยังยืนยันว่ายังคงยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีและจะยึดมั่นต่อไป เมื่อถามว่าหากในวันพรุ่งนี้ (16ก.พ.) ต้องเข้าเรือนจำแล้วการชุมนุมวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่นัดหมายไว้ว่าหากครบกำหนด 7 วัน ไม่มีการปล่อยตัว 4 แกนนำจะมีการชุมนุมอีกครั้งจะมีแนวทางอย่างไร
น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ยังคงต้องมีการชุมนุม เพราะนัดหมายไว้แล้ว ส่วนรูปแบบและการเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ตอนนี้ก็มีการพูดคุยถกเถียงเรื่องการปรับกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ต่างๆ ขอยังไม่พูด อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของคนที่ยังอยู่จะพาขบวนการไปสู่เป้าหมายให้ได้ ซึ่งขอโอกาสเชื่อมั่นในตัวเราว่าเราจะทำอย่างดีที่สุดอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย