“รุ้ง” ยื่น 5 หน่วยงานยุติธรรมจี้ปล่อยผู้ต้องหา ม.112

กทม. 16 ก.พ. – “รุ้ง ปนัสยา” ยื่นจดหมายเปิดผนึก 5 หน่วยงานยุติธรรม  เรียกร้องปล่อย 4  ผู้ต้องหา ม.112 ระบุศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง เผยเตรียมใจไม่รอดนอนคุกพรุ่งนี้ กรณีอัยการส่งฟ้องคดี ม.112  พร้อมรับผิดขอโทษคุมม็อบ 13 ก.พ.ไม่อยู่


น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้กระบวนยุติธรรมมีความเป็นกลางในการพิจารณาและดำเนินคดี รวมทั้งเรียกร้องให้มีการอนุญาตประกันตัว 4 ผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 โดย น.ส.ปนัสยา ได้ไปยื่นจดหมายเปิดผนึกที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นแห่งแรก ผ่าน น.ส. สิริยา หอมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สำนักงานศาลรัฐธธรรมนูญ  และได้อ่านเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก  

สาระสำคัญระบุว่า การที่ศาลปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายอานนท์ นำภา  นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม โดยให้เหตุผลว่าทั้ง 4 คน มีพฤติกรรมที่อาจกระทำความผิดซ้ำ เป็นการ “พิพากษาล่วงหน้า” ว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง และอาจทำซ้ำนั้น ขัดต่อหลักการสันนิษฐานว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์  เป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของจำเลยทั้ง 4 คนอย่างชัดเจน ซึ่งการปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหาหรือจำเลยตาม มาตรา 112  ให้จองจำเอาไว้อย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่คดียังไม่ได้เริ่มการไต่สวน และผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี แต่ให้สิทธิในการประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยคดีอาญาอื่นๆ ที่มีอัตราโทษรุนแรง เช่น ต้องหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา อาจนำไปสู่การสร้างมาตรฐานอันไม่ชอบธรรม คือ ผู้ต้องหาในความผิดหมิ่นประมาทกษัตริย์ มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวมากกว่าคดีอาญาอื่นๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน รวมถึงผู้ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมในกรณีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์แล้ว ยังทำลายเกียรติภูมิของศาล และกระบวนการยุติธรรมไทย จนอาจถูกติฉินจากนานาอารยประเทศว่า ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองภายในประเทศ  จนละทิ้งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิเพื่อชำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของศาล และความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม


น.ส.ปนัสยา ยังระบุว่า ในนามของ “ราษฎร” ขอเรียกร้องให้มีการอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน และผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมืองทั้งหมด และขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญา สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม และคำนึงถึงเกียรติ ศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะมีได้ก็ต่อเมื่อปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตต่อประชาชนเท่านั้น

น.ส.ปนัสยา ยังให้สัมภาษณ์ว่า ที่มายื่นจดหมายเพราะเราต้องการให้กระบวนการยุติธรรมมันแฟร์ แต่ในกรณีของ 4 แกนนำ การไต่สวนยังไม่เริ่มขึ้น เพิ่งส่งฟ้อง แปลว่าขั้นตอนการพิจารณาคดียังไม่เริ่มต้น ต้องได้รับการอนุมานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาล เวลานี้ยังเอาเขาไปขังไม่ได้ แต่ศาลกลับไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยศาลให้เหตุผลว่าอาจจะไปมีพฤติกรรมทำผิดซ้ำเท่ากับว่าศาลตัดสินว่าเขาทำผิดไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษา เขาจึงต้องถูกขังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดต่อหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งใช้ในศาลทั่วโลก จึงต้องมายื่นหนังสือถึงผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด โดยหวังว่าจะได้มีการปรับปรุงการทำงาน เพราะปัญหาในข้อเท็จจริงไม่ได้มีปัญหาเฉพาะแค่ศาล วันนี้ (16 ก.พ.) จึงจะไป 5 ที่ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญา รัชดาฯ  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกฯ  เพื่อบอกผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมว่าทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง จะตกเครื่องมือทางการเมืองเสียเองไม่ได้ การทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐต้องยึดเกียรติและศักดิ์ศรี

น.ส.ปนัสยา ยังกล่าวด้วยว่า ตนเองเตรียมใจไว้แล้วกับการที่วันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.)  อัยการจะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องตนเองในคดีมาตรา 112 หรือไม่ เพราะมันเป็นคดีเดียวกับทั้ง 4 แกนนำ  เพราะธงมันออกมาชัดเจนแล้วว่าเขาต้องการให้เราเข้าไปถูกขังและไม่ได้รับการประกันตัว คาดเดาไว้ว่าพรุ่งนี้ (16ก.พ.) จะต้องถูกนำตัวเข้าเรือนจำ และแม้ตนจะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ก็คิดว่าไม่มีผลกระทบมากต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร  เพราะยังมีคนอื่นที่พร้อมจะออกมาต่อสู้และยังมีมวลชนอีกมากมาย ทั้งนี้คาดหวังว่าสถานการณ์การชุมนุมหลังจากนี้หากตนเข้าไปอยู่ในเรือนจำ จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะจากเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เราก็ได้มีการพูดคุยเพื่อวางแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น ทำให้จากเดิมที่เตรียมจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาฯในวันนี้ ต้องเลื่อนออกไปก่อน  แต่ยืนยันว่าจะมีแน่นอนซึ่งจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง


น.ส.ปนัสยา ได้กล่าวขอโทษต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมวันที่ 13 กุมภาพันธ์  โดยระบุว่าทุกครั้งที่ผ่านมา  ก็จะมีกลุ่มที่ไม่ยึดแนวทางสันติวิธีเหมือนกับพวกราและมวลชนอีกหลายกลุ่ม ซึ่งพวกเราก็พยายามจะจัดการเรื่องนี้ให้ได้มาโดยตลอด  แต่ในวันนั้นยอมรับว่าเราควบคุมไม่ได้  อันนี้เรายอมรับผิดจริงๆ เราควบคุมตรงนี้ไม่ได้ ผิดที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของหลายๆ คน ต้องขอโทษที่เราควบคุมไม่ได้ แต่หลังจากนี้ทุกอย่างจะรัดกุมและครอบคลุมขึ้นจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก  และยังยืนยันว่ายังคงยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีและจะยึดมั่นต่อไป เมื่อถามว่าหากในวันพรุ่งนี้ (16ก.พ.) ต้องเข้าเรือนจำแล้วการชุมนุมวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่นัดหมายไว้ว่าหากครบกำหนด 7 วัน ไม่มีการปล่อยตัว 4  แกนนำจะมีการชุมนุมอีกครั้งจะมีแนวทางอย่างไร 

น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ยังคงต้องมีการชุมนุม เพราะนัดหมายไว้แล้ว  ส่วนรูปแบบและการเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ตอนนี้ก็มีการพูดคุยถกเถียงเรื่องการปรับกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ต่างๆ ขอยังไม่พูด  อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของคนที่ยังอยู่จะพาขบวนการไปสู่เป้าหมายให้ได้ ซึ่งขอโอกาสเชื่อมั่นในตัวเราว่าเราจะทำอย่างดีที่สุดอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]

คุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

สระแก้ว 26 ส.ค.- ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานประกาศปิด 2 วัน (26-27 ส.ค.) เพื่อความปลอดภัย สถานการณ์บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา และเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อวานนี้ ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานได้ประกาศปิดเรียน 2 วัน ในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อความปลอดภัย ด้านฝ่ายความมั่นคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อยืนยันการรักษาอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชายังคงมีชาวบ้านนอนเฝ้าอยู่บริเวณรั้วตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ