กสทช.ประชาพิจารณ์หลักเกณฑ์ใช้สิทธิดาวเทียมเป็นครั้งแรก

กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. กสทช. เผยหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมครั้งแรกของประเทศไทย  พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (2 ธันวาคม 2563) สำนักงาน กสทช. ได้จัดการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package) เพื่อรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563  พล.อ.ท.ธนพันธุ์ กล่าวว่า สาระสำคัญของร่างประกาศฉบับนี้ คือ การนำสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมหรือที่เรียกว่าเอกสารข่ายงานดาวเทียม (Satellite Network Filing) ทั้งหมดที่ประเทศไทยมีอยู่ ทั้งในขั้นสมบูรณ์และขั้นต้นมาจัดเป็นชุด (Package) ตามวงโคจร (Slot) ทั้งหมด 4 ชุด พร้อมกำหนดราคาขั้นต่ำ เพื่อจะนำสิทธิดังกล่าวมาอนุญาตตามหลักเกณฑ์และวิธีการ โดยชุดข่ายงานดาวเทียมทั้ง 4 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 ประกอบด้วย วงโคจร 50.5E (ข่ายงาน C1, N1 และ P1R) และ วงโคจร 51E (ข่ายงาน 51) ราคาขั้นต่ำ 728.199 ล้านบาท ชุดที่ 2 ประกอบด้วย วงโคจร 78.5E (ข่ายงาน A2B และ LSX2R) ราคาขั้นต่ำ 366.488 ล้านบาท  ชุดที่ 3 ประกอบด้วย วงโคจร 119.5E (ข่ายงาน IP1, P3 และ LSX3R) และ วงโคจร 120E (ข่ายงาน 120E) ราคาขั้นต่ำ748.565 ล้านบาท ชุดที่ 4 ประกอบด้วย วงโคจร 126E (ข่ายงาน 126E) และ วงโคจร 142E (ข่ายงาน G3K และ N5) ราคาขั้นต่ำ 364.687 ล้านบาท  ทั้งนี้การประเมินราคาขั้นต่ำนั้น คำนวณตามต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงในการให้ได้มาซึ่งเอกสารข่ายงานดาวเทียมในแต่ละข่ายงาน เช่น มูลค่าเริ่มต้นในการขอข่ายงาน หรือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับ ITU เป็นต้น รวมกับมูลค่าโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจ ทำให้ข่ายงานที่อยู่ในขั้นสมบูรณ์มีมูลค่ามากกว่าขั้นต้น เนื่องจากสามารถสร้างและส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรเพื่อประกอบการได้ทันที อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต้องชำระค่าธรรมเนียมตามราคาที่เสนอสูงสุดแล้ว ยังต้องชำระค่าธรรมเนียมการอนุญาตให้ใช้สิทธิการใช้วงโคจรดาวเทียมรายปีในอัตราร้อยละ 0.25 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ในอัตราไม่เกินร้อยละ1.5 และ ค่าธรรมเนียม USO ในอัตราร้อยละ 2.5 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงที่เกี่ยวกับการประสานงานคลื่นความถี่ และตามที่ ITU เรียกเก็บอีกด้วย พล.อ.ท.ธนพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับวิธีการคัดเลือกนั้นแม้ตามกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้วิธีการประมูล อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสร้างสมดุลในเรื่องการรักษาสิทธิและประโยชน์ที่ประเทศชาติ และประชาชนจะได้รับ จึงได้กำหนดวิธีการคัดเลือกเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การพิจารณาข้อเสนอด้านประสบการณ์และความสามารถในการดำเนินการ โดยมีเกณฑ์ เช่น ประสบการณ์การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียม แผนการใช้งานข่ายงานดาวเทียม ข้อเสนอช่องสัญญาณสำหรับบริการสาธารณะ หรือข้อเสนอการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีการวางหลักประกัน ร้อยละ 10 ของราคาขั้นต่ำในแต่ละชุด โดยผู้เข้าร่วมการคัดเลือกจะต้องได้รับคะแนนในแต่ละเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และได้คะแนนประเมินรวมเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 จึงจะผ่านเข้าสู่ขั้นตอนที่สอง  ขั้นตอนที่ 2 การพิจารณาข้อเสนอด้านราคา โดยเลือกผู้ชนะจากการยื่นข้อเสนอด้านราคาสูงสุง โดยผู้ชนะในแต่ละชุดจะได้รับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม มีอายุการอนุญาต 20 ปี โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญ เช่น ต้องมีดาวเทียมใช้งานจริงกับข่ายงานขั้นสมบูรณ์เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ และจะได้รับการคุ้มครองสิทธิโดย กสทช.จะไม่อนุญาตให้มีการมาขอส่งเอกสารข่ายงานใหม่สำหรับวงโคจรนั้นอีกเป็นระยะเวลา 5 ปี อย่างไรก็ตามต้องมีแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินและประกันการใช้งานต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดให้มีช่องสัญญาณเพื่อบริการสาธารณะและประโยชน์ของรัฐไม่ต่ำกว่าร้อยบะ 10 ของความจุของดาวเทียมรวมทั้งต้องรับผิดชอบแทนภาครัฐกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหายตามข้อตกลงระหว่างประเทศ เป็นต้น สำหรับข้อคิดเห็นที่ได้รับจากการรับฟังความคิดเห็นในเบื้องต้นโดยสรุปนั้น ผู้ประกอบการยังมีความกังวลในเรื่องราคาขั้นต่ำและค่าธรรมเนียมที่เกรงว่าจะเป็นภาระทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับดาวเทียมต่างชาติได้ เนื่องจากการเปลี่ยนมาสู่ระบบการอนุญาตครั้งนี้ไม่ใช่ในลักษณะให้สิทธิแบบระบบสัมปทานและในอนาคตยังมีการเข้ามาแข่งขันจากดาวเทียมต่างชาติที่ กสทช. กำหนดค่าธรรมเนียมไว้เพียงร้อยละ 3.2 เท่านั้น ในขณะเดียวกันกับภาครัฐที่กังวลกับรายได้ที่จะได้ว่าน้อยเกินไปหรือไม่จากราคาขั้นต่ำทั้ง 4 ชุดรวมกัน 2,207.939 ล้านบาท แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสัญญาสัมปทานเดิมที่รัฐได้รับประกันรายได้ขั้นต่ำเพียง 1,415 ล้านบาท กับระยะเวลาผูกขาด 30 ปี รวมทั้งในประเด็นข้อจำกัดด้านเวลาของบางข่ายงานที่ต้องรีบดำเนินการสร้างและส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรทำให้ต้องมั่นใจได้ว่าผู้ชนะและได้รับการอนุญาตต้องมีความพร้อมจริงในการดำเนินการไม่มีการทิ้งงานเพราะจะส่งผลเสียหายต่อสิทธิวงโคจรของประเทศไทยจึงควรมีบทลงโทษที่ชัดเจนหรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว พล.อ.ท.ธนพันธุ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า กิจการดาวเทียมไทยจะเปลี่ยนจากระบบสัมปทานมาสู่ระบบใบอนุญาตอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นการแก้ไขปัญหาการเกิดสุญญากาศหลังดาวเทียมไทยคม 8 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 ที่ไม่สามารถนำดาวเทียมไทยขึ้นสู่วงโคจรได้ อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กสทช.พร้อมที่จะนำข้อคิดเห็นต่างๆ มาพิจารณาและปรับปรุงให้มีความเหมาะสม เนื่องจากต้องยอมรับว่า กสทช.แม้มีประสบการณ์ในการประมูลคลื่นความถี่ แต่คลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมนั้นมีความแตกต่าง ดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่จะเกิดการอนุญาตหรือเปิดตลาดเสรีดาวเทียมไทย และส่งผลให้กิจการดาวเทียมไทยมีการเดินหน้าต่อยอดต่อไปได้อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อที่จะให้พี่ประชาชนได้รับบริการจากเทคโนโลยีใหม่ที่มีความก้าวกระโดดของดาวเทียมทั้งในส่วนของ Broadcast และBroadband ต่อไป-สำนักข่าวไทย.

เผยกลุ่มผู้สนใจผลิตภัณฑ์ความงามร้อยละ72ค้นหาข้อมูลผ่านทวิตเตอร์

กรุงเทพฯ 1 ธ.ค. ทวิตเตอร์ เจาะลึกบิวตี้คอมมูนิตี้ร้อยละ 72 ใช้ทวิตเตอร์ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ความงาม รายงานของ Euromonitor International บริษัทวิจัยการตลาดเรื่องเทรนด์ความงามและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวของชาวเอเชียระบุว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดของโลกในด้านของความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล คิดเป็นร้อยละ 32 ของตลาดโลก และประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดของภูมิภาคนี้ที่เติบโตเร็วที่สุด โดย ร้อยละ 77 ของผู้ใช้งานทวิตเตอร์ในประเทศไทย มีความสนใจในเรื่องของการดูแลผิวพรรณและร่างกายของตัวเอง และ 1 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้มีความสนใจในเรื่องเครื่องสำอางเป็นอย่างมาก ผู้คนบนทวิตเตอร์ที่สนใจด้านความงามจะมีแพสชั่นในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และอยากเป็นคนแรกที่ค้นพบ ต้องการซื้อและทดลองเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ความงามใหม่ ร้อยละ 72ได้เข้ามาที่ทวิตเตอร์เพื่อค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ความงามใหม่ๆ และ มากกว่า ร้อยละ 50 อยากจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ซื้อและได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น กลุ่มผู้หญิงมีสัดส่วนถึงร้อยละ 62 ที่สนทนาและแสดงความเห็นในเรื่องของความงามบนทวิตเตอร์ประเทศไทย ในขณะที่การพูดคุยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลนั้นเริ่มขยายถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชายมากขึ้นเช่นกัน สำหรับแบรนด์ที่ปรับตัวได้ทันกับยุคสมัยจึงมักจะเลือกใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้จากข้อมูลที่มีอยู่ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ ผู้คนบนทวิตเตอร์ที่มีความสนใจในเรื่องของความงามเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลาย และสนใจในเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากเรื่องของความงามอีกด้วย เช่น เรื่องของอาหารเพื่อสุขภาพ, ดนตรี, การดูแลสุขภาพ, อาหารและเครื่องดื่ม และการทำอาหาร ซึ่งจากความสนใจในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ยังถือเป็นโอกาสที่เปิดกว้างให้กับนักการตลาดทั้งหลายได้สามารถสร้างบทสนทนาที่หลากหลายในการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย ร้อยละ  74 ของผู้ที่สนใจเรื่องเครื่องสำอางจะหาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยจะมีการตั้งคำถามบนทวิตเตอร์และมองหาคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพราะพวกเขาอยากเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ได้ซื้อสินค้าและให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของคนอื่นๆ บนทวิตเตอร์เป็นอย่างมาก ผู้ที่มีความสนใจในเรื่องความงามจะมีการใช้แฮชแท็กต่างๆ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการทวีตข้อความ แฮชแท็กความงามที่นิยมใช้กันในประเทศไทย ได้แก่ #ไว้รีวิวห้ามขายของโว้ยยย, #HowToPerfect, #ใช้ดีบอกต่อ, #ของดีบอกต่อ, #ของมันต้องมี โดยแบรนด์ใช้คำค้นหาด้วยแฮชแท็กเหล่านี้ก็จะทราบถึงเทรนด์ที่กำลังเป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมายในเชิงลึกได้ นอกจากนี้การใช้แฮชแท็กยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่แบรนด์สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาได้อีกด้วย พลังของการบอกต่อนับเป็นเครื่องมืออันทรงพลังอย่างหนึ่ง คนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องของความสวยงามมักจะชอบทวีต, รีทวีตและโควททวีตเพื่อแสดงความคิดเห็น โดยร้อยละ 46 มักจะแสดงความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้ในขณะที่ ร้อยละ53 แฟนด้านความงามในประเทศไทยมักจะบอกต่อถึง ผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ รวมทั้งการรีวิวพร้อมติดแฮชแท็ก #ไว้รีวิวห้ามขายของโว้ยยย กับ #ใช้ดีบอกต่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชื่นชอบความงามบนทวิตเตอร์มักจะใช้ในการรีวิวผลิตภัณฑ์ แม้ว่าชื่อเสียงของแบรนด์จะมีความสำคัญ แต่ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ก็ยังคงมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เสมอ แบรนด์ความงามสัญชาติไทยจึงได้เริ่มพยายามลองทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น มีการติดอาวุธด้านความรู้ใหม่ๆ ในเรื่องของเทรนด์ความนิยมของผู้บริโภคในประเทศ และเริ่มมีการใช้งานทวิตเตอร์เพิ่มมากขึ้นเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค-สำนักข่าวไทย.

อีริคสันคาดสิ้นปีคนใช้5Gแตะ220 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ธ.ค. อีริคสันเผยสิ้นปี 2563 จะมีผู้ใช้เข้าถึงเครือข่าย 5G ทั่วโลก มากกว่าหนึ่งพันล้านราย นางนาดีน อัลเลน ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะมีจำนวนผู้สมัครใช้ 5G ทั่วโลก เพิ่มเป็น 220 ล้านราย  ปี 2569 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีผู้ใช้ 5G เพิ่มขึ้นเป็น 380 ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ  32 ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมด  ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนีย และอินเดีย จะมีรายได้จากการให้บริการ 5G แก่ผู้บริโภค รวมกันถึง 297 พันล้านดอลลาห์สหรัฐฯ ในปี 2569  รายงาน Ericsson  Mobility  Report ฉบับล่าสุด ระบุว่า 4 ใน 10 ของจำนวนผู้ใช้มือถือในปี 2569 จะใช้ระบบเครือข่าย 5G เป็นหลัก จากปัจจุบันที่มีผู้สมัครใช้ 5G และเครือข่ายมีสัญญาณครอบคลุมมากขึ้น ตอกย้ำให้เห็นว่าเทคโนโลยี  5G คือปัจจัยสำคัญเชื่อมต่ออุปกรณ์มือถือที่ให้ความรวดเร็วที่สุด ตามรายงานยังระบุว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนผู้คนทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านรายอยู่ในพื้นที่ที่เครือข่าย 5G  ครอบคลุม หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนประชากรทั่วโลก และจะมีผู้ใช้ 5G ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 220 ล้านราย ในปี 2569 คาดว่าร้อยละ  60 ของประชากรทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงระบบเครือข่าย 5G โดยมีผู้ใช้ 5G สูงถึง 3.5 พันล้านราย  และมีปริมาณดาต้อินเตอร์เน็ต 5G เกินกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณดาต้าทั้งหมดในเวลานั้น สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เทคโนโลยี  5G  จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจาก LTE โดยมียอดผู้ใช้งานกว่า  380  ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ 32  ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมด   “5G จะเพิ่มศักยภาพบริการดิจิทัลและการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ที่มีอยู่ เช่น การสตรีมวิดีโอ สตรีมมิ่งกีฬา เกมบนมือถือและบริการสมาร์ทโฮมหรือบ้านอัจฉริยะ เฉพาะ Augmented Reality (AR) เพียงอย่างเดียวก็มีแนวโน้มที่เป็นตัวสร้างรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้จากสื่อต่าง ๆ ทั้งหมดของผู้ให้บริการเมื่อเทียบกับบริการอื่น ๆ เช่น เกมบนคลาวด์ คอนเทนท์แบบเสมือนจริงหรือ VR และบริการดิจิทัลในสถานที่ การเล่นเกมแบบ AR จะเป็นตัวขับเคลื่อนเริ่มต้นหลักให้กับ AR  โดยที่การใช้งานแอปพลิเคชันอื่น ๆ สำหรับ AR เช่น การรับชมโทรทัศน์และวิดีโอ การใช้งานในบ้าน โรงเรียนและเพื่อการศึกษาจะตามมา” ปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนมือถือในภาพรวมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในช่วงคาดการณ์มีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 33 และคาดว่าในปี 2569 จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 32 เอกซะไบต์ (Exabyte) ต่อเดือน หรือราว 33 กิกะไบต์ (Gigabyte) ต่อเดือนต่อสมาร์ทโฟน โดยการเติบโตของปริมาณการใช้ดาต้าอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้ถูกแปลงเป็นแผนข้อมูลที่มีความหลากหลายและกว้างมากขึ้น โดยผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในพื้นที่แตกต่างกันทางด้านภูมิศาสตร์ มีการเปิดตัวบริการ 5G เชิงพาณิชย์จำนวนมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาทิ ออสเตรเลีย  นิวซีแลนด์และประเทศไทย และการเปิดประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะมีขึ้นในปีหน้าที่เวียดนามและมาเลเซีย ซึ่งจะทำให้ระบบเครือข่าย 5G มีการเปิดใช้งานมากขึ้นเพิ่มเติม  “ผู้บริโภคในประเทศไทยได้เริ่มสัมผัสกับประโยชน์เด่น ๆ ที่สำคัญของ 5G เป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ในขณะเดียวกันอีริคสันประเทศไทยกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทยตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดของระบบนิเวศในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลของประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม  4.0  และ  5G สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร  ความสำเร็จของ 5G ในตลาดผู้บริโภคจะมีความสำคัญต่อผู้ให้บริการ เพราะจะสนับสนุนการขยายเครือข่ายเพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมายการใช้งานรูปแบบใหม่สำหรับอุตสาหกรรมและองค์กรต่าง ๆ ได้”  ในรายงาน Ericsson Mobility Report ระบุถึงความสำเร็จของ 5G ที่ไม่ได้ลิมิตแค่จำนวนตัวเลขของผู้ใช้งานและความครอบคลุมของสัญญาณที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำ 5G ไปเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจและแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ซึ่งได้เริ่มปรากฎให้เห็นแล้ว อย่างเช่น การนำ 5G ไปใช้ในอุปกรณ์  Critical IoT เพื่อรองรับการทำงานของแอปพลิเคชันที่ต้องการการรับ-ส่งข้อมูลอย่างฉับไวภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภค  องค์กรและหน่วยงานของรัฐในหลายภาคส่วนสามารถพัฒนาระบบ 5G เป็นเครือข่ายสาธารณะหรือเครือข่ายที่ใช้เฉพาะ เพื่อสนับสนุนบริการสำคัญที่ต้องการความรวดเร็วสูง  การเล่นเกมบนคลาวด์ (Cloud Gaming) เป็นอีกหนึ่งหมวดหมู่ของแอปพลิเคชันเกิดใหม่ ด้วยความสามารถของระบบเครือข่าย 5G และเทคโนโลยีเอดจ์คอมพิวติ้งทำให้บริการสตรีมเกมบนสมาร์ทโฟนเข้าถึงประสบการณ์ที่มีคุณภาพ (QoE) เทียบเท่ากับการเล่นบนเครื่องพีซีหรือคอนโซลเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมเกมที่มีความล้ำสมัย สมจริงในแบบโมบิลิตี้ รายงานอีกฉบับ “Harnessing the  5G  Consumer  Potential” จากอีริคสัน คอนซูเมอร์ แลป ที่คาดการณ์ว่าในปี 2573 ตลาด 5G ของผู้บริโภคทั่วโลกจะมีมูลค่าราว 31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  และผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) ทั่วโลกจะสร้างรายได้จากการให้บริการ 5G สูง 3.7 ล้านล้านดอลลาห์สหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกหากมีบริการดิจิทัลใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามมา  จากรายงานมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนียและอินเดียจะสร้างรายได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ระบบเครือข่าย 5G รวมอยู่ที่ 297 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าร้อยละ  79 ของรายได้ที่เกิดจากบริการดิจิทัล 5G ของผู้ให้บริการทั้งหมด (ประมาณ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จะมาจากบริการทางด้านวิดีโอและเพลงที่มีความคมชัดและคุณภาพเสียงระดับไฮไฟ (Hi-Fi)  บริการดิจิทัล 5G อื่น ๆ ได้แก่ วิดีโอ เพลง เกม AR และ VR รวมถึงบริการ IoT สำหรับผู้บริโภค-สำนักข่าวไทย.

แคทจับมือพันธมิตรติดฟรีไวไฟ200จุดรอบกทม.

กรุงเทพฯ 1 ธ.ค. แคท จับมือพันธมิตรให้บริการ Free WiFi รอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประเดิม 200 จุดทั่วกทม ต้นปี64 พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ลงนามร่วมกับ นายรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท โอบีโอเอ็น คอร์เปอเรชั่น จำกัด (OBON) ในบันทึกความร่วมมือการให้บริการ Free WiFi Service  ความร่วมมือระหว่าง CAT และ OBON จะเป็นการนำทรัพยากรที่มีของทั้งสองหน่วยงานมาใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตในรูปแบบ Free WiFi ซึ่งนับเป็นการขยายโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชนในกรุงเทพมหานครให้มีมากขึ้น ทั้งนี้ เบื้องต้น CAT จะนำโครงข่ายอินเทอร์เน็ต ตลอดจนอุปกรณ์โทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องมาให้บริการในพื้นที่กว่า 200 จุด ในระยะเวลา 5 ปี ภายใต้ชื่อ@NT fre wifi โดยมุ่งเน้นติดตั้งในสถานที่ที่มีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีความเสถียรและการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูง  ซึ่งประชาชนจะสามารถใช้บริการ Free WiFi นี้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์รายใหญ่ที่มีโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกครอบคลุมทั่วประเทศไทย และเชื่อมตรงสู่ทั่วโลกมีความมั่นใจที่จะนำโครงข่ายของเรามาให้บริการ Free WiFi  ให้กับผู้ใช้บริการในทุกพื้นที่ ได้มีโอกาสในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ 4.0 “การใช้งานจะล็อกอินผ่านแพลตฟอร์มเฟสบุ๊ก โดย กสท จะหารือกับเฟสบุ๊กเพื่อเลือกพื้นที่ที่จะให้บริการคาดว่าจะเริ่มให้บริการในระยะแรกในไตรมาสที่1 ของปี 2564 ประมาณ 200 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยจะใช้งานได้ที่ความเร็วที่ 30 เมกกะบิตต์ต่อวินาที ด้วยการ ล็อกอินครั้งละ 3 ชั่วโมงหน้าที่ของบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ หนือ NT เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าถึงประชาชน ที่มีสิทธิในการเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตที่เป็นบริการสาธารณูปโภคที่ประชาชนควรได้จากรัฐ รายได้ที่เกิดขึ้นจึงมุ่งไปที่การทำให้บริการอยู่ต้อไปได้ ” พันเอกสรรพชัย กล่าว  นายรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท โอบีโอเอ็น คอร์เปอเรชั่น จำกัด (OBON) เปิดเผยว่าในปัจจุบัน ทุกคนมีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุกอย่างในชีวิตปัจจุบันมีอินเทอร์เน็ตเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่ง OBON เล็งเห็นว่ายังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ในทุกพื้นที่ “วิสัยทัศน์ของเราคือการเข้าถึง Free WiFi ได้ในทุกพื้นที่ บริการ Free WiFi ที่ใช้งานได้จริง ความพร้อมของ Free WiFi ที่มีกำลังส่งดาต้า และการให้บริการ Free WiFi ที่ง่ายต่อการเข้าใช้งานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ทั้งนี้ OBON คาดหวังว่า @nt Free WiFi – CAT จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุค“ดิจิทัลไทยแลนด์ 4.0” โดยเราจะมีกิจกรรมมากมายเกี่ยวกับโครงการ @nt Free WiFi ให้ผู้เข้าใช้งานได้ร่วมสนุกจากกลุ่มผู้สนับสนุนในทุกภาคส่วน” -สำนักข่าวไทย.

สดช.ร่วม22องค์กรรัฐทำดิจิทัลเอาท์ลุก2020

กรุงเทพฯ 30 พ.ย. สดช. ประกาศแสดงเจตนารมณ์ร่วม 22 หน่วยงาน จัด Thailand Digital Outlook 2020 ระยะ 2 ขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดเผยผลการสำรวจและจัดทำดัชนีตัวชี้วัดด้านดิจิทัลของประเทศ ปี 2563 (Thailand Digital Outlook 2020) โครงการศึกษาวิจัย Thailand Digital Outlook ระยะที่ 2 ที่ สดช. ได้ร่วมมือกับทีมที่ปรึกษา ในการศึกษาแนวทางการจัดเก็บตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ว่า การสำรวจยึดหลักเกณฑ์และกรอบการดำเนินงานในระดับสากลที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ได้กำหนดไว้  และมีเป้าหมายสำคัญเพื่อสำรวจและศึกษาสถานภาพปัจจุบันด้านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย หรือThailand Digital Outlook อันจะนำไปสู่การจัดเตรียมการและข้อเสนอแนะเพื่อปฏิรูประบบดิจิทัลและการดำเนินนโยบายและมาตรการการพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป โดยมีผู้บริหารจากทั้งรัฐและเอกชนจำนวน 22 หน่วยงาน เข้าร่วม  นางวรรณพร กล่าวอีกว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในคณะนโยบายขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เมื่อปี พ.ศ. 2561 ตามแนวทางการปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากลตามกรอบที่ OECD กำหนดเช่น กรอบ OECD Measuring the Digital Transformation และกรอบ OECD Going Digital Toolkit ซึ่งประกอบด้วยการประเมินสภาพเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านตัวชี้วัดใน 8 ด้าน มิติ คือ การเข้าถึง (Access) การใช้งาน (Use) นวัตกรรม (Innovation)  อาชีพ (Jobs) สังคม (Society) ความน่าเชื่อถือ (Trust) การเปิดเสรีของตลาด (Market Openness) และการเติบโตและสภาพความเป็นอยู่ (Growth & Well-being) และมีตัวชี้วัดมากกว่า 130 ตัวชี้วัด นำไปสู่การดำเนินโครงการศึกษาวิจัย Thailand Digital Outlook ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินสถานภาพการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) และสอดคล้องกับภารกิจหนึ่งของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่จะต้องรับทราบ ทำความเข้าใจ การเปลี่ยนผ่านในยุคดิจิทัลที่เกิดขึ้นภายในประเทศ วิเคราะห์ประเด็นทางเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล รวมถึงแนวโน้มการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อันจะช่วยให้กระทรวงฯ และ สดช. สามารถเตรียมการ จัดทำนโยบายและแผนงาน รวมถึงออกมาตรการเพื่อมุ่งส่งเสริมและพัฒนาดิจิทัลของประเทศโดยรวมต่อไปได้ ปี 2563 สดช. ได้มีการดำเนินโครงการศึกษาวิจัย Thailand Digital Outlook ระยะที่ 2 ขึ้น โดยดำเนินการศึกษาวิจัย สำรวจและวิเคราะห์ประเด็นทางเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงแนวโน้มการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยอาศัยกรอบตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญตามแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากลตามกรอบของ OECD ผลการศึกษาวิจัยจากโครงการนี้ ถือเป็นที่น่าพอใจยิ่ง สามารถแสดงภาพการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ อันเป็นผลจากการดำเนินนโยบายดิจิทัลของกระทรวงฯ สดช. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสะท้อนให้เห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของประเทศไทยในปัจจุบัน ที่ต้องได้รับการพัฒนาต่อยอด หรือปรับปรุงแก้ไขต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนยังสามารถนำข้อมูลผลการสำรวจ และผลการศึกษาวิจัยต่าง ๆ จากโครงการศึกษาวิจัย Thailand Digital Outlook ระยะที่ 2 ไปใช้ประโยชน์ต่อยอดได้โดยแท้จริง ทั้งการปฏิบัติงานตามภารกิจของหน่วยงาน การให้บริการภาคประชาชนและภาคธุรกิจ การออกนโยบายและมาตรการส่งเสริมภาคประชาชนและภาคธุรกิจสำหรับหน่วยงานภาครัฐ และการวางแผนดำเนินกิจการในธุรกิจของท่านสำหรับภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสอดรับกับสภาพตลาดในยุคดิจิทัลไทยแลนด์-สำนักข่าวไทยสดช

ดีแทคจับมือยาราพัฒนาเกษตรโกแพลตฟอร์มช่วยเกษตรกรตัดสินใจเพาะปลูก

กรุงเทพฯ 30 พ.ย. ดีแทคจับมือยาราเปิดตัว Kaset Go เครือข่ายดิจิทัลชุมชนเพื่อเกษตรกรแห่งแรกในประเทศไทย นายชารัต เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทคกล่าวว่า แพลตฟอร์ม Kaset Go มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของภาคการเกษตรของประเทศไทยด้วยการเชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้เชี่ยวชาญเข้ากับชุมชนเกษตรกร 30 พฤศจิกายน 2563-ดีแทคและยาราประเทศไทยเปิดตัว Kaset Go แอปพลิเคชันบนมือถือที่เชื่อมต่อเกษตรกรเข้ากับข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อถือได้และเรียลไทม์ที่ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรแอปพลิเคชันได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้เกษตรกรไทยใช้ประโยชน์จากความรู้ด้านการเกษตรของยาราประเทศไทยและเทคโนโลยีการสื่อสารจากดีแทคปัจจุบัน Kaset Go เปิดโอกาสให้เกษตรกรถามคำถามกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและแบ่งปันความรู้กับเกษตรกรรายอื่นในชุมชนที่มีประสบการณ์คล้ายกันนอกจากนี้ยังช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญเช่นราคาพืชผลประจำวันข่าวเกษตรเคล็ดลับเกี่ยวกับพืชหลัก 8 ชนิดในประเทศไทย ได้แก่ ข้าวข้าวโพดไร่ผักทุเรียนมังคุดลำไยส้มและมะม่วงรวมทั้งพืชอีกกว่า 52 ชนิดเนื้อหามีความเหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของเกษตรกรในภูมิภาคต่างๆของประเทศไทยและจะมีเนื้อหาเฉพาะเพื่อสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรที่มีความสนใจเฉพาะทางเช่นการให้คำแนะนำเรื่องมาตรฐานและใบรับรองทางการเกษตรการ เนื้อหาในแอปพลิเคชันนี้ได้รับการสนับสนุนโดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมส่งเสริมการเกษตรภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิดและยาราประเทศไทย Kaset Go อาจเป็นตัวเปลี่ยนวิธีในการทำเกษตรแบบดิจิทัลของประเทศไทย นับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนสิงหาคม Kaset Go มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 150,000 ครั้งและดึงดูดผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 100,000 คนเนื่องจากจำนวนการดาวน์โหลดและผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณดีแทคและยาราประเทศไทยกำลังวางแผนการพัฒนาขั้นต่อไปของ Kaset Go ซึ่งจะรวมข้อมูลเกี่ยวกับพืชผลอีก 44 รายการและฟีเจอร์หลักที่สำคัญในการเพาะปลูกเช่นคำเตือนสภาพอากาศการแจ้งเตือนโรคการเปรียบเทียบราคาตลาดนอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายไปสู่บริการเสริมอื่นเช่นอุปกรณ์ฟาร์มประกันภัยและการเงิน นายเมดเซนท์-อังเดร์กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยารา (ประเทศไทย) จำกัด และรองประธานกลุ่มธุรกิจประเทศไทยและประเทศเมียร์ กล่าวว่า ยาราเขื่อว่า Kaset Go จะกลายเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยสำหรับเกษตรกรและเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย” 4 ฟีเจอร์เด่นแอปKaset Go ที่สนับสนุนเกษตรกรไทยให้ก้าวไกล คำถามและคำตอบที่ได้รับการรับรอง การให้คำตอบที่เป็นประโยชน์และให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรในแพลตฟอร์มผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ของเกษตรกรในชุมชนโดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้รับรองความถูกต้อง การเชื่อมต่อและแบ่งปันความรู้ ชุมชนที่เกษตรกรสามารถเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่และเพื่อนเกษตรกรได้อย่างเปิดเผยเพื่อแบ่งปันความรู้เชิงปฏิบัติจากประสบการณ์จริงของตนเองส่งเสริมการสร้างชุมชนตามพืชผลหัวข้อและพื้นที่ของเกษตรกรเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นในชุมชนจะได้รับการรวบรวมและแบ่งปันกลับไปยังเกษตรกรในแพลตฟอร์มรวมถึงประสบการณ์จริงจากภูมิปัญญาท้องถิ่นและข้อมูลราคา   นอกจากนี้จะมีข้อมูลเชิงลึกที่ตรงความต้องการและสามารถนำไปใช้ได้ทันทีเนื่องจากข้อมูลการเกษตรมีความหลากหลาย Kaset Go จึงช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการจัดลำดับและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดแบบเรียลไทม์และสามารถให้ข้อมูลสำคัญกลับไปยังเกษตรกรได้อย่างทันท่วงทีช่วยให้เกษตรกรติดตามแนวโน้มการเพาะปลูกและเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้ในท้องถิ่นเพียงปลายนิ้วสัมผัสเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่ดีขึ้นสำหรับการเกษตรของตน และบริการด้านการเกษตรแบบดิจิทัล คุณสมบัติที่สร้างมูลค่าเพิ่มพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มการทำงานของแพลตฟอร์ม Kaset Go ได้แก่ เทคโนโลยีล้ำสมัยที่สามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรได้ดีขึ้นตามสถานที่เช่นราคาพืชผลการพยากรณ์อากาศคำเตือนสภาพอากาศและการแจ้งเตือนศัตรูพืช-สำนักข่าวไทย.

เอปสันชี้โควิด-19ดันธุรกิจเครื่องพิมพ์สิ่งทอโต

กรุงเทพฯ 30 พ.ย.เอปสันชี้โควิด-19 ทำให้คนเข้าสู่ธุรกิจสิ่งพิมพ์มากขึ้น ระบุเครื่องพิมพ์สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอมีแนวโน้มการเติบโตสูง นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจในปีนี้บวกกับสถานการณ์โควิด -19 ทำให้มีคนเลือกทจะทำงานเป็นฟรีแลนซ์หรือเปิดธุรกิจของตัวเองมากขึ้นในธุรกิจให้บริการการพิมพ์ก็มีผู้ประกอบการที่เน้นงานประเภทออนดีมานด์เกิดใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและหันมาลงทุนเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กและกลางมากขึ้นโอกาสทางการตลาดสำหรับเครื่องพิมพ์ของเอปสันโดยเฉพาะในกลุ่มสิ่งทอจึงเปิดกว้างมากเป็นเครื่องพิมพ์เพื่ออุตสาหกรรมสิ่งทอสำหรับรองรับตลาดที่กำลังขยายตัวโดยมีลูกค้าเป้าหมายเป็นสตาร์ทอัพนักออกแบบมินิแล็บโรงงานพิมพ์ผ้าร้านรับทำของพรีเมี่ยมร้านเสื้อผ้ากีฬาแบรนด์แฟชั่นรวมถึงสถาบันศึกษา ตั้งแต่เปิดปีงบประมาณ 2563 มาได้ 6 เดือน (เมษายน-กันยายน) กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ระดับมืออาชีพของ บริษัท ฯถือว่าทำได้ดีเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้โดยมีเครื่องพิมพ์สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ทำยอดขายได้มากสุดคิดเป็นร้อยละ 35 ของยอดขายทั้งหมดของกลุ่มผลิตภัณฑ์รองมาคือเครื่องพิมพ์ป้ายโฆษณาร้อยละ 28 และเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจโฟโต้และงานศิลป์ร้อยละ 27 ตามมาด้วย T-Series เครื่อง พิมพ์ในองค์กรสำหรับงานเขียนแบบงานกราฟิกพิมพ์ เขียวและโปสเตอร์ร้อยละ 8 และเครื่องพิมพ์ฉลากดิจิทัลร้อยละ 2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ผู้ประกอบการจำนวนมากในอุตสาหกรรมกำลังนำธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้นและให้ความสนใจกับเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มโอกาสในการรับงานแบบออนดีมานด์และไม่สร้างมลภาวะในที่ทำงาน   “ตลาดเครื่องพิมพ์สิ่งทอที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศไทยมีขนาดและมูลค่าอยู่ในระดับสูงเครื่อง พิมพ์เชิงพาณิชย์ ใช้งานในธุรกิจและอุตสาหกรรม เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการเครื่องพิมพ์ที่รองรับกระบวนการเปลี่ยนผ่านขององค์กรไปสู่ดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีทีามีประสิทธิภาพการพิมพ์ที่ดี เครื่อง พิมพ์ดิจิทัลยังรองรับความต้องการพิมพ์งานที่สะดวกรวดเร็วสมารถรองรับงานพิมพ์ที่ออกแยยได้อย่างสะดวกรวดเร็วภายใต้ต้นทุนต่ำและเหตุผลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด”  นายบรรยง กล่าวอีกว่า เครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์มีศักยภาพในตลาดประเทศไทยและยังรองรับการทำธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นหลังยุคโควิด-19ปัจจัยที่จะทำให้ประสงความสำเร็จได้คือการสร้างแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ผลิตภัณฑ์ -สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสคลาวด์ภาครัฐขับเคลื่อนบน5Gนำไทยสู่ไทยแลนด์4.0

กรุงเทพฯ 28 พ.ย.รัฐเปิดคลาวด์กลางเชื่อมข้อมูลและ 5G ไว้แล้วก่อนเริ่มใช้จริงปีหน้า พร้อมหนุนหลักสูตร Digital CEO ต่อยอดภาคธุรกิจดิจิทัลไทย  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวในโอกาสเป็นประธานงานนำเสนอผลงานผู้อบรมหลักสูตรผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital CEO) รุ่นที่ 3 และมอบสัมฤทธิบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  พัฒนาการใช้เทคโนโลยีให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มวัยโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา เราเปิดกว้างให้คนหันมาใช้ดิจิทัล ในการทำงาน การประชุมผ่านระบบออนไลน์ ใช้ในการสั่งซื้อของและเรื่องต่าง ๆ  ก้าวแรกที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่รัฐบาลดิจิทัลได้นั้น จะต้องมีฐานข้อมูลเป็นของตัวเองและล่าสุดเราได้มีคลาวด์กลางของภาครัฐ หรือ Government Data Center and Cloud Service  (GDCC) แล้ว เพื่อรวบรวมข้อมูลของทุกกระทรวงหน่วยงานของภาครัฐมาไว้ที่เดียวกัน  เพื่อสอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ช่วยลดขั้นตอน ลดการใช้เอกสารจำนวนมาก ๆ ในการติดต่อราชการของทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ทุกระบบของหน่วยงานราชการจะต้องเป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด และรัฐต้องมีข้อมูลของประชาชนไว้เพื่อออกนโยบายมมาดูแลคนได้อย่างทั่วถึงทุกภาคส่วน  ซึ่งการมีคลาวด์กลางของภาครัฐนั้นเป็นเรื่องที่ดีมากในการลดการใช้งบประมาณของแต่ละกระทรวงในการเช่าพื้นที่คลาวด์เก็บข้อมูลซึ่งราคาการเช่ากับบริษัทภายนอกนั้นมีราคาสูงมาก ส่วนการพัฒนา 5G ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆในภูมิภาคอาเซียน ที่ได้ให้หน่วยงานของภาครัฐเข้าประมูลคลื่น 5G เพื่อนำมาบริหารการใช้งานในภาคส่วนต่างๆ  แทนที่จะไปเช่าเอกชน   ซึ่งภายในไม่เกิน 2เดือนนี้ ทุกคนจะได้ใช้5G ที่ไม่ใช่แค่ผ่านมือถือเท่านั้น แต่ภาคธุรกิจจะถือว่ามีประโยชน์มาก ทั้งเพื่อการดาวน์โหลดข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีความรวดเร็ว อีกทั้ง ปัจจุบันแรงงานไทยเหลือน้อยมาก จะรอใช้แต่แรงงานต่างชาติไม่ได้แล้ว ซึ่ง 5G จะเข้ามาแทนที่ทำโรงงานที่ใช้ดิจิทัลเท่านั้น แต่จะช่วยลดต้นทุน และได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น 5G จะรองรับภาคประชาชน ภาคการลงทุน และทุกภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย  นายพุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องแข่งกับต่างประเทศโดยใช้ดิจิทัลมาช่วย เพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก การแข่งขันจะแข่งกันวันต่อวัน ซึ่งวางแผนเป็นปีจะไม่ทันแน่นอน ดังนั้น รัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐานและลงทุนไปเยอะแล้ว จึงอยากให้ภาคเอกชนได้ใช้ทรัพยากรที่ภาครัฐลงทุนไปให้คุ้มกับภาษีที่ภาคเอกชนได้เสียไปให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประเทศของเรา นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า  แนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดิจิทัล สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ที่สะท้อนว่าประเทศไทยมีการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และกำลังก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง และปัจจัยหลักสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ คือ การพัฒนากำลังคนและบุคลากรดิจิทัล ซึ่งจะเป็นกลไกหลักในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำองค์กรในยุคดิจิทัล ทั้งภาครัฐภาคเอกชน จะต้องเท่าทันและพร้อมรับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการประยุกต์ใช้ การบริการจัดการองค์กร ได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ  สำหรับหลักสูตรผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital CEO) ที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นรุ่นที่ 3 มีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของผู้นำองค์กรในทุกมิติ เน้นต่อยอดองค์ความรู้การบริการจัดการและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในการบริหารจัดการองค์กร รวมถึงการสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจสังคมยุคใหม่ เพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลตลอดจนเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารภาครัฐและเอกชนที่เป็นเครือข่ายอันเข้มแข็งในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป  ซึ่งในหลักสูตร มีผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมอบรมจำนวน 83 ท่าน ได้ร่วมกันเรียนรู้แลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านการบรรยาย กรณีศึกษา ตลอดจนการศึกษาดูงานเพื่อถอดบทเรียนจากองค์กรชั้นนำ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กว่า 100 ท่าน มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าอบรมด้วย เพื่อต่อยอดเป็นโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคประชาสังคมในลำดับต่อไป-สำนักข่าวไทย

ดีอีเอสถกตำรวจวางแนวทางแก้ปัญหาฉ้อโกงออนไลน์

กรุงเทพฯ 27 พ.ย. รัฐมนตรีดีอีเอส  หารือตำรวจย้ำให้เร่งอบรมด้านเทคนิคแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินหน้าแก้ปัญหาคดีฉ้อโกงออนไลน์ และคดีด้านเทคโนโลยีทั้งหมดให้ประชาชนทั่วประเทศ นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ที่สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สพธอ.(เอ็ตด้า ) ประชุมน่วมกับ  พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) (กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์) นำระดับผู้บังคับการแต่ละภาค โดยนายพุทธิพงษ์  กล่าวว่า  ก่อนการจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์นั้นสืบเนื่องจากพบปัญหาทางคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีมีจำนวนมาก และเมื่อประชาชนไปแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) จำนวนเจ้าหน้าที่ มีไม่เพียงพอต่อการเร่งดำเนินการและเกิดความไม่คล่องตัว บางกรณีไม่มีเจ้าทุกข์แต่เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายปัญหาจึงไม่ถูกแก้ไข ตนจึงหารือกับพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าจำเป็นจะต้องมีกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์เพื่อเข้ามาช่วยประชาชนที่มีความเดือดร้อนในคดีทางเทคโนโลยี ที่นับวันยิ่งมีจำนวนมากขึ้นหลายเท่าตัว และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี จนสุดท้ายสามารถจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เรียกง่าย ๆ ว่ากองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ขึ้นในที่สุด กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ จะต้องเร่งคัดเลือกบรรจุบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านไอทีให้แล้วเสร็จ พร้อมทั้งจัดอบรมให้ความรู้ใน 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร  ระดับผู้เชี่ยวชาญ และระดับปฏิบัติการ เพื่อสามารถทำงานให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับวางแนวทางขั้นตอนการทำงานของตำรวจไซเบอร์ที่ประจำแต่ละพื้นที่ให้ปฏิบัติงาน เช่น วิธีการรับแจ้งความทางออนไลน์ การเก็บพยานหลักฐานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  ทั้งนี้ สอท.ต้องประสานการทำงานกับตำรวจปอท. ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ปท.)กระทรวงดิจิทัลฯ  เพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นเอกภาพ เช่น การลงพื้นที่จับกุมเว็บพนันออนไลน์จำเป็นต้องเชื่อมโยงการทำงาน  เบื้องต้น กองบัญชาการฯ ต้องให้ความสำคัญและเร่งทำคือ เรื่องการโพสต์ข้อความไม่เหมาะสม ,การจัดการด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ จากตัวอย่างที่เกิดกับโรงพยาบาลสระบุรี  และการประกาศแฮกเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  ,การติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดที่ประชาชนผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ แจ้งความเข้ามา รวมถึงการขอออกหมายศาล หมายค้น หมายจับต่าง ๆ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ต้องเน้นการบริการรับแจ้งความช่วยเหลือความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นหลัก นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ทั่วประเทศ ช่วยกันแก้ปัญหาภัยด้านเทคโนโลยี เช่น การฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนในการซื้อของออนไลน์ รวมถึงการจัดให้มีเครื่องสแกนกล่องพัสดุที่ถูกส่ง ทั้งในและจากต่างประเทศเพื่อป้องกันการส่งของที่ผิดกฎหมายเช่น อาวุธเถื่อน ยาเสพติด เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และการเก็บภาษีแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศเพื่อนำภาษีมาพัฒนาประเทศในอนาคตซึ่งต้องหารือร่วมกับกรมสรรพากร ในลำดับต่อไป ด้านผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกนาย พร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งในช่วงก.พ.-เม.ย.2564 จะมีการแต่งตั้งและโอนย้ายมาช่วยราชการได้ เบื้องต้น กว่า 1,000 นายและเร่งดำเนินการอบรมความรู้ด้านเทคโนโลยีให้เกิดความชำนาญ  โดยทาง ผบ.ตร. ก็ได้มอบนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการดูและประชาชนเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการรับแจ้งเหตุ แจ้งความผ่าน application บนมือถือด้วยวิธี Video Call ได้  แจ้งรายชื่อ ร้อยเวรได้ เพื่อลดปัญหาเรื่องไม่เข้าใจในการเก็บข้อมูล ซึ่งเรื่องใดที่เกี่ยวกับไซเบอร์ ทาง สอท. ดำเนินการเอง ส่วนเรื่องทั่วไป (มโนสาเร่) ให้ท้องที่ดำเนินการ โดยให้สอท. ช่วยเหลือ เป็นการทำงานควบคู่กันไป-สำนักข่าวไทย.

โคเวย์ชูนวัตกรรมรักสุขภาพทำอากาศ-น้ำบริสุทธิ์

กรุงเทพฯ 27 พ.ย. โคเวย์เชื่อนวัตกรรมอากาศ – น้ำ รองรับเทรนด์ดูแลสุขภาพ นายปาร์ค ชุน ยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้เกิดความต้องการอุปกรณ์ดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจด้านสุขภาพและสุขอนามัยจึงเป็นโอกาสของนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ คาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะด้านน้ำและอากาศ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะมีความต้องการสูง เทคโนโลยีเรือธงของโคเวย์ ในส่วนของเครื่องฟอกอากาศ มีเทคโนโลยี Coway Hepa Filter ที่มีประสิทธิภาพการฟอกอากาศขจัดอนุภาคฝุ่นเล็กสุดขนาด 0.1 ไมครอนได้ร้อยละ 98.339 อนุภาคฝุ่นขนาด 0.2 ไมครอนได้ร้อยละ 99.304 อนุภาคฝุ่น 0.3 ไมครอน ได้ประสิทธิภาพดีที่สุดร้อยละ 99.578 ทำให้การกรองฝุ่น PM 2.5 ด้วยสมรรถนะฟิวเตอร์กรองอากาศทั้ง 4 ชั้นจึงสามารถป้องกันเชื้อหวัด กลิ่นบุหรี่ ฝุ่นขนาดเล็ก แบคทีเรีย เชื้อรา ขนสัตว์ กลิ่นไม่พึงประสงค์ทุกชนิด และเชื้อโรค การพัฒนาเรื่องน้ำประเทศไทยในแผนที่น้ำโคเวย์ คุณภาพน้ำประปาอยู่ในระดับดี (สีน้ำเงิน) จึงได้ส่งระบบ Reverse Osmosis หรือ RO การพัฒนาระบบ RO ด้วยเทคโนโลยี Nano Membrane นวัตกรรมที่องค์การนาซ่าใช้ในการกรองน้ำดื่มในยานอวกาศ สามารถขจัดสิ่งปนเปื้อนอินทรีย์ และกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็กได้ถึง 0.0001 ไมครอน จึงกำจัดโลหะหนัก สารพิษและสารกัมมันตรังสี แปลว่า ด้วยเครื่องกรองน้ำโคเวย์ จะทำให้คุณผลิตน้ำดื่มสะอาดบริสุทธิ์ถึงร้อยละ99.99 ประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ตลาดในไทย นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา โคเวย์เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 38 ด้วยจุดแข็งทางเทคโนโลยีทั้งหมดคาดว่าจะตอบสนองความสนใจรักสุขภาพของคนไทยได้-สำนักข่าวไทย.

เปิดศูนย์เอไอภาครัฐขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล

กรุงเทพฯ 27 พ.ย. รัฐเปิดศูนย์เอไอภาครัฐเล็งใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบและบริการให้ ช่วยขับเคลื่อนบริการประชาชน  นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เปิด ศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ ภาครัฐ โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์กรมหาชน)หรือDGA โดยนายอนุชากล่าวปาฐกถาถึงความสำคัญในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการใช้งานของหน่วยงานภาครัฐว่า ประเทศใดที่มีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความสามารถการผลิตและยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ประเทศที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วและสามารถประยุกต์ใช้ในบริบทที่หลากหลาย ประเทศนั้นย่อมสร้างความได้เปรียบในหลากหลายมิติ  เช่น  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการทำงานของรัฐ เพื่ออำนวยความสะดวก  ประชาชน  ประหยัดเวลา  เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มศักยภาพด้านผลผลิต (productivity) ให้กับประชาชนตลอดจนยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ ผลคือ Government  Artificial  Intelligence  Readiness  Index 2019 ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 56 จาก 196 ประเทศโดย เทียบจากดัชนีชี้วัดความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์ของรัฐบาลใน 4 กลุ่มหลัก  ได้แก่ การกำกับดูแล, โครงสร้างพื้นฐานและข้อมูล, ทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์ และการศึกษา รวมถึงการประเมินในส่วนของรัฐบาล และการบริการสาธารณะต่ำกว่า  แม้ว่าในปี 2020 ประเทศไทยจะ อยู่ในอันดับที่ 60 เนื่องจากประเทศต่างๆเริ่มตื่นตัวในการเตรียมความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น ในส่วนของภาครัฐไทยเองยังจำเป็นต้องมีการวางยุทธศาสตร์ชาติด้านปัญญาประดิษฐ์อย่างเป็นรูปธรรม การจัดตั้งหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์เพื่อผลักดันและประยุกต์ใช้ในหน่วยงานภาครัฐ จึงเป็นบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล “เอไอเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่มุ่งเน้ความโปร่งใส มีบริการรวดเร็วตอบสนองบริการทุกภาคส่วนประชาชนเข้าถึงภาครัฐและมีส่วนร่วม สามารถรองรับเชื่อมโยงกับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ” นายอนุชากล่าว ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์หรือ AI  ถือเป็นเทคโนโลยีที่ประเทศไทยยังขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญเข้ามารองรับความต้องการทั้งในภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคการศึกษา เนื่องจากการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขานี้จะใช้เวลานาน ส่งผลให้ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องลงทุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในมูลค่าที่สูง จึงเกิดแนวความคิดที่จะรวบรวมผลงานปัญญาประดิษฐ์พร้อมใช้ และ ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ มีความตั้งใจพัฒนาเพื่อประเทศไทย มาพบปะหารือและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคโนโลยีนี้ร่วมกัน รวมถึงการสร้าง ชุมชนปัญญาประดิษฐ์ (AI Community) ผ่านศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ภาครัฐขึ้น ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้เกิดความร่วมมือ จากทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการศึกษา เพื่อให้ AI สร้างผลงานและแจ้งเกิดอย่างเป็นรูปธรรม-สำนักข่าวไทย.

COM7 ตั้งเป้าโต 10% เล็งลงทุนพัฒนาช่องทางออนไลน์

กรุงเทพฯ 27 พ.ย.  – คอม7 เผยยอดจองไอโฟน 12 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยและ 5G กระตุ้นความต้องการผู้บริโภคหนุนทิศทางธุรกิจปลายปีเติบโตขึ้น นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 กล่าวว่า ภาพรวมยอดจองไอโฟน12 ออนไลน์อยู่ในระดับที่น่าพอใจ จากการเปิดจองออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากที่สุดเท่าที่เคยเปิดจองไอโฟนมา ยอดจองที่สูงขึ้นน่าจะมาจากมุมมองของผู้บริโภคสินค้าเทคโนโลยียังมีโอกาสเติบโตประกอบกับกระแส 5G กระตุ้นผู้บริโภคเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสารและสมาร์ทดีไวซ์   “ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนทั้งปีในปีนี้น่าจะเติบโตเท่ากับปี 2562 คือประมาณร้อยละ 10 หรือมียอดขายรวมประมาณ15 ล้านเครื่อง ขณะที่คอม7 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ร้อยละ 10 โดยมีรายได้ 3.3 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนปี2564 น่าจะมีอัตราการเติบโตเท่าๆกัน จากความมั่นใจในมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีความชัดเจนมากขึ้น คอม7 ตั้งเป้าเติบโตในปี 2564 ที่ร้อยละ10 จากการพัฒนาช่องทางออนไลน์ โดยจะเปิดตัวเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ในไตรมาสแรกของปีหน้า “ การลงทุนในปี 2564 จะเน้นไปที่การลงทุนพัฒนาเว็บไซต์และซอฟแวร์โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์รือเอไอมาใช้ โดยลงทุนในส่วนนี้ 40 ล้านบาท งบลงทุนภาพรวม 400 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงการขยายสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 คอม7 มีสาขารวมทั้งหมด 811 สาขาแบ่งเป็น BaNANA 257 สาขา Studio7 102 สาขา KingKong Phone 96 สาขา True Shop by Com7 121 สาขาแฟรนไชส์ 97 สาขา BKK 54 สาขา iCare 27 สาขาและพื้นที่อื่น 57 สาขา ปี 2564 จะเปิดสาขาในต่างจังหวัดอีกร้อยละ 70-80 หรือมากกว่า 100 สาขา -สำนักข่าวไทย.

1 4 5 6 7 8 2,829
...