สกอตแลนด์เจอคนติดโอไมครอนทั้งที่ไม่ได้เดินทาง

เอดินเบอระ 29 พ.ย.- สกอตแลนด์แจ้งพบผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 6 รายในวันนี้ บางรายไม่มีประวัติการเดินทาง จุดกระแสวิตกว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้อาจแพร่อยู่ในสกอตแลนด์แล้ว   นายจอห์น สวินนีย์ รองนายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์เผยกับสถานีวิทยุของบรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ในวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 6 คน ในจำนวนนี้บางคนไม่มีประวัติการเดินทางหรือเกี่ยวข้องกับการเดินทางมาจากประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา จึงมีความเป็นไปได้ว่าเชื้อกำลังแพร่อยู่ในชุมชนแล้ว สหราชอาณาจักรซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือได้จำกัดการเดินทางไปยังตอนใต้ของทวีปแอฟริกาทั้งหมดแล้ว หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อนประเทศแอฟริกาใต้พบสายพันธุ์โอไมครอนเป็นแห่งแรก นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษออกมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในร้านค้าและรถโดยสารสาธารณะ รวมทั้งขอให้คณะกรรมการร่วมเรื่องการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิต้านทานเร่งพิจารณาเรื่องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิให้แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 40 ปี และหาทางลดระยะห่างระหว่างการฉีดวัคซีนเข็ม 2 และเข็มกระตุ้นภูมิ.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเตือนทั่วโลกเสี่ยงโควิดโอไมครอนสูงมาก

เจนีวา 29 พ.ย. – องค์การอนามัยโลกระบุวันนี้ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดไปทั่วโลก และทำให้เกิดความเสี่ยงสูงมากทั่วโลก อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดการระบาดรุนแรงในบางประเทศ องค์การอนามัยโลกประกาศคำแนะนำทางเทคนิคให้แก่ประเทศสมาชิก 194 ประเทศทั่วโลก โดยเรียกร้องให้แต่ละประเทศเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้แก่ประชาชนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูง และสร้างความมั่นใจว่ายังคงใช้แผนแนวทางป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อปกป้องบริการสาธารณสุขที่จำเป็น ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์ของโปรตีนบนส่วนหนามของไวรัสเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวิถีของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ความเสี่ยงของเชื้อดังกล่าวทั่วโลกในภาพรวมจึงได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับเสี่ยงสูงมาก องค์การอนามัยโลกยังระบุว่า ทั่วโลกจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนให้มากขึ้นเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการที่เชื้อจะหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนและการติดเชื้อในครั้งก่อน ๆ โดยคาดว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้า ขณะนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปยังหลายประเทศทั่วโลกแล้ว เช่น อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และอิสราเอล. -สำนักข่าวไทย

กรมวิทย์ ใช้เทคนิคพิเศษตรวจหา “โอไมครอน”

กรมวิทย์ฯ เตรียมพัฒนาน้ำยาโอไมครอนโดยเฉพาะ 2 สัปดาห์สำเร็จ ระหว่างนี้ใช้เทคนิคตรวจยืนยันจาก 2 น้ำยาทั้งอัลฟา และเบตา หากเป็นบวกทั้งคู่ แสดงว่าเป็นโอไมครอน เนื่องจากตำแหน่งของตรงกัน ทั้ง HV69-70deletion ในอัลฟา และ K417N ในเบตา

พจนานุกรมเมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ยก “วัคซีน” เป็นศัพท์แห่งปี 2564

นิวยอร์ก 29 พ.ย. – เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ พจนานุกรมภาษาอังกฤษเก่าแก่ของสหรัฐ ประกาศให้คำว่า ‘วัคซีน’ (vaccine) เป็นคำศัพท์แห่งปี 2564 พร้อมเพิ่มความหมายของคำให้กว้างขวางยิ่งขึ้นเพื่อสะท้อนยุคสมัย ปีเตอร์ โซโคลอฟสกี บรรณาธิการบริหารของเมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ เผยกับสำนักข่าวเอพีก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า วัคซีนเป็นคำที่มีการค้นหาอยู่ในระดับสูงมากในทุก ๆ วันของปี 2564 คำนี้สะท้อนให้เห็นถึงสองประเด็นที่แตกต่างกัน ประเด็นแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาวัคซีนได้อย่างรวดเร็วและน่าทึ่ง ประเด็นที่สองเป็นการถกเถียงกันในเรื่องนโยบาย การเมือง และความร่วมมือทางการเมือง วัคซีนจึงเป็นคำที่เก็บความหมายของประเด็นทั้งสองเรื่องใหญ่เข้าด้วยกัน เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ยังมีคำอื่น ๆ ที่ได้รับการค้นหาในอันดับรองลงมาในปีนี้ เช่น ‘จลาจล’ (insurrection) ที่ได้รับความสนใจหลังเกิดเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเพื่อพยายามขัดขวางไม่ให้ที่ประชุมรัฐสภารับรองชัยชนะของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และคำว่า ‘เพอร์เซเวียแรนซ์’ (Perseverance) ซึ่งเป็นชื่อยานสำรวจดาวอังคารล่าสุดขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือนาซา ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ยังได้เพิ่มความหมายของคำว่า วัคซีน ในเว็บไซต์พจนานุกรมออนไลน์ เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมไปถึงวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ เช่น วัคซีนป้องกันโรคโควิดที่พัฒนาโดยไฟเซอร์/ไบออนเทค และโมเดอร์นา เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ใช้เกณฑ์ในการคัดเลือกคำแห่งปีโดยอ้างอิงจากข้อมูลการค้นหา การติดตามยอดการค้นหาที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงการเปรียบเทียบตัวเลขที่เพิ่มขึ้นแบบปีต่อปี ซึ่งแตกต่างจากพจนานุกรมชื่อดังรายอื่น ๆ ที่มักตั้งคณะกรรมการเป็นผู้คัดเลือกคำแห่งปี […]

ญี่ปุ่นงดให้ต่างชาติเข้าประเทศตั้งแต่ 30 พ.ย.

โตเกียว 29 พ.ย.- ญี่ปุ่นนำมาตรการงดให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศกลับมาใช้อีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน เพราะกังวลเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน เว็บไซต์บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพญี่ปุ่นหรือเอ็นเอชเค (NHK) รายงานว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะแถลงในวันนี้ว่า ตัดสินใจใช้มาตรการจำกัดการเข้าประเทศกับชาวต่างชาติจากทุกประเทศทั่วโลกเริ่มตั้งแต่วันอังคารนี้ เป็นมาตรการฉุกเฉินเพื่อเลี่ยงไม่ให้ญี่ปุ่นเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด โดยจะใช้เป็นการชั่วคราว จนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความรุนแรงของสายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กำลังวิเคราะห์พันธุกรรมเชื้อไวรัสของผู้เดินทางมาจากนามิเบียคนหนึ่งว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่ และจะเข้มงวดมาตรการจำกัดชาวญี่ปุ่นกลับประเทศที่เดินทางมาจากประเทศที่ยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ ด้วยการให้กักโรคในสถานที่ที่ทางการกำหนดเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเพิ่งผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศให้แก่ชาวต่างชาติที่เป็นนักธุรกิจ นักศึกษา และผู้ฝึกงานทางเทคนิค สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นยกระดับเฝ้าระวังไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล.-สำนักข่าวไทย

ฟิลิปปินส์จะระดมฉีดวัคซีนโควิด 9 ล้านคนให้ได้ใน 3 วัน

มะนิลา 29 พ.ย.- ฟิลิปปินส์เปิดตัวโครงการรณรงค์เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ประชาชน 9 ล้านคน ให้ได้ภายใน 3 วัน พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและอาสาสมัครจำนวนมากไปช่วยดำเนินโครงการ โครงการที่เปิดตัววันนี้ลดเป้าหมายลงจากเดิมที่ตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนประชาชน 15 ล้านคน ให้ได้ภายใน 3 วัน แต่ยังคงถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในประเทศที่ยังมีคนลังเลที่จะฉีดวัคซีน และมีอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ในการเข้าถึงประชาชนที่กระจัดกระจายตามเกาะแก่งต่าง ๆ เป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 3 ล้านโดส คิดเป็นเกือบ 4 เท่าของอัตราฉีดเฉลี่ยวันละ 829,000 โดสในเดือนพฤศจิกายนนี้ เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ระบุว่า ข่าวการพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนในหลายประเทศทำให้โครงการระดมฉีดวัคซีนมีความเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น รัฐบาลจะส่งอาสาสมัคร 160,000 คน ไปยังศูนย์ฉีดวัคซีน 11,000 แห่งทั่วประเทศตลอดโครงการฉีดวัคซีน 3 วันนี้ ประชากรฟิลิปปินส์ 110 ล้านคนฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเพียง 35 ล้าน 6 แสนคน หรือราว 1 ใน 3 แต่หากแยกดูเป็นพื้นที่ คนในเขตมหานครมะนิลาฉีดครบโดสแล้วมากถึงร้อยละ 93 แต่คนในชุมชนมุสลิมทางตอนใต้ของประเทศฉีดเพียงร้อยละ […]

“หมอยง” แจง 10 คำถาม โควิดสายพันธุ์โอไมครอน

“หมอยง” แจง 10 คำถาม โควิดสายพันธุ์โอไมครอน

“หมอยง” ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง โควิดสายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน โดยได้ตอบคำถาม 10 ข้อเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น ไวรัสนี้ติดง่ายแพร่กระจายง่ายหรือไม่

ผู้นำแอฟริกาใต้ตำหนินานาชาติใช้คำสั่งระงับเดินทาง

พริทอเรีย 29 พ.ย. – ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ กล่าวตำหนินานาชาติที่ใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียง เพราะยังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หลังพบเชื้อดังกล่าวเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีรามาโฟซากล่าวคำปราศรัยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นพอต่อการใช้คำสั่งระงับการเดินทาง และทำให้แอฟริกาใต้ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากการถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เขายังแย้งว่าคำสั่งดังกล่าวจะไม่ได้ผลในการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบ และทำให้ประเทศเหล่านั้นไม่อาจรับมือหรือฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประธานาธิบดีรามาโฟซายังเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ที่ใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้รีบยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยด่วนก่อนที่แอฟริกาใต้จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไปมากกว่านี้ เขายังระบุเพิ่มเติมว่า การอุบัติขึ้นของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสัญญาณเตือนทั่วโลกให้เห็นถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด พร้อมทั้งเตือนว่าการเกิดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนกว่าทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีน ประธานาธิบดีรามาโฟซายังได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยระบุว่า แอฟริกาใต้ไม่ได้ประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนโควิด และการฉีดวัคซีนเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้ หลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ สหรัฐ และสหภาพยุโรป ได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียง หลังแอฟริกาใต้เปิดเผยว่าพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่องค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อดังกล่าวอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล นอกจากนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และอิสราเอล. -สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นเฝ้าระวังสายพันธุ์โอไมครอนเป็นระดับสูงสุด

โตเกียว 29 พ.ย.- ญี่ปุนยกระดับการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน เป็นระดับสูงสุด เนื่องจากพบการระบาดในหลายประเทศ ขณะที่แหล่งข่าวรัฐบาลเผยว่า ญี่ปุ่นเตรียมปิดประเทศไม่รับชาวต่างชาติเข้าประเทศรายใหม่ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เจแปนไทมส์รายงานว่า สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นยกระดับเฝ้าระวังเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนจากระดับ 2 คือ สายพันธุ์ที่ต้องสนใจ เป็นระดับ 3 คือ สายพันธุ์ที่น่ากังวล เช่นเดียวกับสายพันธุ์เดลตา ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดเมื่อวันศุกร์ให้สายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นระบุว่า สายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนามแหลมสำหรับจับเซลล์มนุษย์ราว 30 จุด ซึ่งอาจทำให้แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้นและต้านทานวัคซีนได้มากขึ้น เจแปนไทมส์รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลวันนี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้ทำให้ญี่ปุ่นเตรียมปิดพรมแดนไม่รับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศรายใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนักธุรกิจ นักศึกษา และผู้ฝึกงาน ยกเว้นชาวต่างชาติที่เป็นผู้พำนักอาศัยที่จะเดินทางกลับเข้ามา และว่านายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในบ่ายวันนี้ ส่วนเมื่อวานนี้ญี่ปุ่นได้เพิ่มชื่อโมซัมบิก มาลาวีและแซมเบียไว้ในรายชื่อประเทศที่ต้องเข้มงวดการเดินทางเข้ามา หลังจากเมื่อวันเสาร์กำหนดให้ผู้เดินทางมาจาก 6 ประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาประกอบด้วย บอตสวานา เอสวาตีนี เลโซโท นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว ต้องกักโรคในสถานที่ของรัฐบาลเป็นเวลา 10 วัน โดยต้องตรวจหาเชื้อในวันที่ 3 วันที่ 6 และ วันที่ 10 […]

ออสเตรเลียจะทบทวนเปิดพรมแดนหลังพบโควิดโอไมครอน

ซิดนีย์ 29 พ.ย. – นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ระบุวันนี้ว่า ออสเตรเลียจะทบทวนแผนเปิดพรมแดนให้แรงงานต่างชาติที่มีทักษะเฉพาะและนักเรียนต่างชาติในวันที่ 1 ธ.ค. หลังจากเมื่อวันอาทิตย์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 2 รายแรกในนครซิดนีย์ที่เดินทางมาจากตอนใต้ของทวีปแอฟริกา นายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน กล่าวว่า เขาคิดว่าอาจเร็วเกินไปที่ออสเตรเลียจะกลับไปใช้มาตรการกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วันอีกครั้งในกลุ่มผู้เดินทางชาวต่างชาติ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับอาการป่วยรุนแรง การแพร่กระจาย และประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิดเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน รัฐบาลจะเฝ้าระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และรอให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดเพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของออสเตรเลียจะประชุมร่วมกันในวันนี้เพื่อประเมินเกี่ยวกับแผนเปิดพรมแดนที่จะเริ่มใช้ในวันพุธ และจะจัดประชุมร่วมกับมุขมนตรีรัฐและดินแดนของออสเตรเลียในวันอังคาร ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจากตอนใต้ของทวีปแอฟริกาเพิ่มอีก 3 คนเมื่อวันอาทิตย์ และกำลังรอผลการจัดลำดับพันธุกรรมว่าผู้ป่วยทั้งสามคนติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 209,000 คน และผู้เสียชีวิตเกือบ 2,000 คน โดยมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสร้อยละ 87 จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน. -สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกว่ายังไม่ชัดโควิดโอไมครอนทำให้ป่วยหนักขึ้น

เจนีวา 29 พ.ย. –  องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วขึ้น หรือทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ องค์การอนามัยโลกระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลในเบื้องต้นชี้ว่า อัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกำลังเพิ่มสูงขึ้นในแอฟริกาใต้ แต่อาจเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโดยรวม และไม่ได้เป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำว่า มีหลักฐานเบื้องต้นระบุว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ และหายป่วยอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่อมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิดด้วย ขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่พบข้อมูลที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะก่อให้เกิดอาการป่วยที่แตกต่างจากเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น รายงานเบื้องต้นที่เป็นผลการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะมีอาการป่วยน้อยกว่าผู้ป่วยที่มีอายุมาก แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของอาการป่วยจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์. -สำนักข่าวไทย

1 97 98 99 100 101 1,427
...