นิคมฯ อมตะยอมรับหืดขึ้นคอ ฝ่าโควิด-การเมืองไทย

กรุงเทพฯ -24 ส.ค. – นิคมฯ อมตะยังไม่ทิ้งเป้าหมายขายที่ดินปีนี้ 950 ไร่ แม้ยอมรับกระทบหนักจากโควิด-19  คาดหวังปัญหาการเมืองไทยจะไม่บานปลาย ส่วนนิคมฯ ในเมียนมา ทั้ง “บีกริม- ปตท.” รุมจีบสร้างโรงไฟฟ้า  ส่วนเวียดนาม คาดหวังจีดีพีไม่หดตัวดึงการลงทุน 


นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA กล่าวว่า บริษัทยังไม่เปลี่ยนเป้าหมายที่จะขายที่ดินในนิคมฯ ปีนี้ 950 ไร่ แม้ว่าครึ่งปีแรกจะขายได้เพียง 116 ไร่  แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ระลอก 2 จะเกิดขึ้นหรือไม่ และนักธุรกิจสามารถเดินทางเข้ามายังในไทยได้หรือไม่ หากเดินทางเข้ามาได้เชื่อมั่นว่ายอดขายจะเป็นไปได้ตามเป้าหมาย เพราะธุรกิจนี้นักลงทุนต้องการเข้ามาดูพื้นที่ด้วยตนเอง ซึ่งนักลงทุนจีนนับเป็นกลุ่มใหญ่และมีความต้องการซื้อพื้นที่แต่ละรายปริมาณสูง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยล่าสุดทางบริษัทได้มีการแจ้งรายชื่อแก่ทางการ เพื่อขอลงทะเบียนตามนโยบายรัฐในการผ่อนคลายการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของชาวต่างชาติกลุ่มเป้าหมายที่ตอบรับมาตรการสถานกักกันโรคของรัฐ (State Quarantine) ที่เป็นนักธุรกิจ/นักลงทุน ประมาณ 500 คน แต่หากเกิดปัญหาเดินทางเข้ามาไม่ได้ ผู้ร่วมทุนในนิคมไทย-จีน จ.ระยอง ก็จะช่วยทำหน้าที่ในจีน เพื่อติดต่อนักลงทุนในการลงนามข้อตกลงซื้อขายที่ดินให้ 

นายวิบูลย์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเมืองที่มีการชุมนุมกันในขณะนี้ มองว่าการชุมนุมสามารถดำเนินการได้ตามวิถีประชาธิปไตย แต่ขอให้ไม่มีความรุนแรงและคงไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนปี 2557 เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องโควิด-19 กระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ปีนี้คาดว่าอัตราการขยายตัวอาจลดลงประมาณร้อยละ 8-10 ขณะที่เวียดนามยังเป็นบวกได้ ในส่วนนี้อาจจจะทำให้เกิดการตัดสินใจลงทุนไปประเทศอื่นได้


“ตอนนี้เศรษฐกิจไทยก็กระทบจากโควิด-19 และยังมีปัญหาการเมือง ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเปลี่ยนแปลงแล้ว ก็หวังว่าจะทำงานได้ราบรื่นและแก้ไขข้อกำหนดราชการด้านต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน ซึ่งกรณีหากไทยเปิดให้นักธุรกิจต่างชาติเข้ามาได้ ก็เชื่อมั่นว่าการลงทุนก็คงจะเกิดขึ้นเป็นหนึ่งในเครื่องจักรพยุงเศรษฐกิจไทย โดยที่ผ่านมาทางบริษัทได้ใช้วิธีออนไลน์ LIVE สดในการดึงดูดการลงทุน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนสินค้าอื่น ๆ เพราะนักลงทุนต้องการเข้ามาดูพื้นที่ด้วยตัวเองมากกว่า” นายวิบูลย์ กล่าว

นายวิบูลย์ กล่าวด้วยว่า จากผลกระทบของโควิด-19 ทางบริษัทได้มีนโยบายเหมือนกับบริษัทอื่น ตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน อย่างน้อยร้อยละ 30  และอมตะวอเตอร์ได้ติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำ ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้กว่า 9 ล้านบาทต่อปี ส่วนราคาที่ดิน นิคมฯ ไม่ได้มีการปรับลดเหมือนกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อื่น ๆ ที่ในขณะนี้มีการลดราคาบ้าน-คอนโดมิเนียมลงมาบางแห่งลดถึงร้อยละ 30 เนื่องจากที่ดินในนิคมฯ นั้น เป็นการลงทุนระยะยาว และค่าที่ดินนับเป็นต้นทุนรวมของอุตสาหกรรมไม่ถึงร้อยละ 10 ขณะเดียวกันทางบริษัทก็ได้มีการตรึงค่าเช่าโรงงาน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ 

ส่วนการลงทุนในเมียนมาและเวียดนามก็ยอมรับว่าการติดต่อ การซื้อขายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งในส่วนของเวียดนามปีนี้ขายได้กว่า 10 เฮกตาร์ หรือประมาณ 60 ไร่ แต่ขณะนี้กำลังเจรจาจากนักลงทุนที่ต้องการซื้อที่ดินขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้นักลงทุนญี่ปุ่นมีความสนใจจะเข้าไปลงทุนในเวียดนามเพิ่มมากขึ้น


ส่วนเมียนมานักลงทุนทั้งไทย ญี่ปุ่น และจีน สนใจที่จะใช้ที่ดินสำหรับการลงทุนที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการค้าขายระหว่างประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในปี 2564 พื้นที่นี้อยู่ในเมืองย่างกุ้งได้รับการอนุมัติจัดตั้งนิคมฯ จากรัฐบาลเมียนมาแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจากับหลายบริษัทของไทยในการพัฒนาโรงไฟฟ้าในนิคมฯ  เช่น กลุ่ม ปตท. กลุ่มบีกริม เป็นต้น 

ทั้งนี้ โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเมียนมามีบริษัท Yangon Amata Smart and Eco City Limited (YASEC) เป็นเจ้าของโครงการพัฒนานิคม ซึ่งบริษัทได้ลงทุนผ่านบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในอัตราส่วน 100% ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว คือ Amata Asia (Myanmar) Ltd ถือหุ้นใน YASEC ร้อยละ 80 และร่วมลงทุนกับหน่วยงานราชการของเมียนมาอีกร้อยละ 20  โดยหน่วยงานราชการดังกล่าวจะนำที่ดินที่เวนคืนมาได้เป็นทุนชำระ  โดยโครงการนี้เป็นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอมตะย่างกุ้งในช่วงระยะเวลาที่ 1 (Yangon Amata Smart & Eco City) ซึ่งบริษัทได้วางแผนการลงทุนพัฒนาโครงการในช่วงแรกประมาณ 41.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,287 ล้านบาท สำหรับพัฒนาพื้นที่โครงการในช่วงแรกบนพื้นที่ 200 เอเคอร์ หรือประมาณ 506 ไร่ ภายในปี 64  โดยพื้นที่ทั้งหมดมีราว 2,000 เอเคอร์  ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 162 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,022 ล้านบาท ตลอดในช่วงระยะเวลาที่ 1 เป็นเวลา 5-10 ปี. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ […]

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]