เกษตรกรเตรียมบุกร้องนายกฯ ทบทวนแบน 2 สารในการประชุม ครม.สัญจร จ.ระยอง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด จะทำหนังสือยื่นนายกฯ ทบทวนแบนสารเคมี 2 ชนิด ระหว่างประชุม ครม.สัญจร จ.ระยอง ด้านสมาคมวิทยาการวัชพืชยื่นหนังสือผ่าน รมว.เกษตรฯ เพื่อส่ง คกก.วัตถุอันตราย ทบทวนมติการแบนแล้ว


นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด คือ อ้อย ยางพารา ปาล์ม ข้าวโพด และไม้ผลจะยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งถึงการปฏิบัติ 2 มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จากการเตรียมออกประกาศ สธ. เรื่องอาหารที่มีสารพิษตกค้างเพื่อให้สอดคล้องกับการยกเลิกการใช้สารพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 ซึ่งกำหนดให้สารทั้ง 2 ชนิดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 (วอ. 4) โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นไปตามที่ปรากฏในเพจเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ไทยแพน) ที่โพสต์ว่า สธ. โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประชุมสรุปการออกประกาศกำหนดค่าตกค้างของสารทั้ง 2 ชนิด ซึ่งผ่อนปรนให้สินค้าเกษตรที่นำเข้ามีค่าตกค้างของสารที่ยกเลิกใช้ได้ถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 แต่เกษตรกรต้องนำพาราคอวตและคลอร์ไพริฟอสส่งคืนร้านค้าก่อนวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งเหลือเพียงอีก 8 วันเท่านั้น

นายสุกรรณ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มเกษตรกรได้ส่งหนังสือแจ้งความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม แต่อาจไม่ถึงนายกฯ เพราะไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ดังนั้น จึงจะยื่นหนังสือเรียกร้องให้ถืงมือให้ได้ในวันที่ 25 สิงหาคม ระหว่างการประชุม ครม. จ.ระยอง ส่วนที่นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ไม่มีเกษตรกรเดือดร้อนจากการยกเลิก 2 สาร หากใครเดือดร้อนให้มาแจ้งได้นั้น เกษตรกรจะไม่ไปแจ้งต่อนางสาวมนัญญา เพราะเป็นผู้ผลักดันให้ยกเลิกใช้ ทั้งที่ยังไม่มีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตร จึงเชื่อว่าไม่จริงใจที่จะแก้ปัญหา


ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายนายธนา ชีรวินิจ เลขานุการฯ รับหนังสือจากนางจรรยา มณีโชติ นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย ซึ่งนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใหม่ เพื่อจะส่งให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย (คกก.วอ.) ตามที่ได้ไปยื่นต่อนายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เลขานุการ คกก.วอ. จากนั้นได้รับแจ้งว่าหากกระทรวงเกษตรฯ เสนอข้อมูลใหม่มา ทาง คกก.วอ.จะนำมาทบทวน รวมทั้งยังยื่นหนังสือต่อนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน คกก.วอ. โดยระบุถึงการแบนพาราควอตของ คกก.วอ.นั้นใช้ข้อมูลคลาดเคลื่อนจนทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง จึงขอให้นำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ไปพิจารณาทบทวน

นอกจากนี้ นางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ได้ยื่นหนังสือถึง รมว. เกษตรฯ ผ่านเลขานุการฯ เพื่อให้เสนอ คกก.วอ.ทบทวนการแบน 2 สาร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังเดือดร้อนอย่างมาก

สำหรับในเพจของไทยแพนโพสต์ว่า ไทยแพนร่วมให้ความคิดเห็นทั้งทางเอกสารและหารือกับ อย. มาโดยตลอดว่า เมื่อแบนสารทั้ง 2 ชนิดแล้วจะต้องไม่พบการตกค้างในอาหารตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 อย.ได้พิจารณาและมีข้อสรุป ดังนี้ 1. เพิ่มรายชื่อของพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ในบัญชีหมายเลข 1 (รายการสารที่แบนแล้ว) ของประกาศกระทรวง เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง 2. ยกเลิกค่าการตกค้างที่อนุญาตให้พบในอาหาร (Maximum Residue Limit-MRL) โดยต้องตรวจไม่พบสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายที่ยกเลิกแล้ว (Not Detected) และ 3. มีผลบังคับใช้ 1 มิถุนายน 2564 กับอาหารที่ผลิตในประเทศและนำเข้าต้องปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้


ส่วนสาระสำคัญของประกาศที่สร้างความสับสนแก่เกษตรกรมากคือ การระบุถึง ค่า Limit of Detection (LOD) ว่า เป็นค่าความสามารถในการตรวจวัดการตกค้างของสาร ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของเครื่องและวิธีการตรวจวัด ซึ่ง Thai-PAN อ้างถึงการประชุมของอย. สรุปว่า ผักผลไม้สด กำหนดค่า LOD ของพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และคลอร์ไพริฟอสเมทิล 0.005 มิลลิกรัม (มก.)/กิโลกรัม (กก.) เนื้อสัตว์ นม ไข่ กำหนดค่า LOD ของพาราควอต คลอร์ไพริฟอสและคลอร์ไพริฟอสเมทิล 0.005 มก./กก. ธัญพืชและถั่วเมล็ดแห้ง กำหนดค่า LOD ของพาราควอต 0.02 มก./กก. คลอร์ไพริฟอสและคลอร์ไพริฟอสเมทิล 0.01 มก./กก.
จากโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นคัดค้านจำนวนมากว่า เป็นการแก้ค่า MRLจากที่ต้องไม่พบมีค่าตกค้างของสารที่ยกเลิกใช้เลยคือ เป็น 0 กลับให้มีค่ามากขึ้นได้เพื่อเอื้อต่อการนำเข้าถั่วเหลือง ข้าวสาลี รวมทั้งผักผลไม้จากประเทศที่ยังใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสได้ ดังนั้น การที่ อย.อ้างว่า ยกเลิก 2 สารนี้เพราะห่วงใยผู้บริโภคนั้นไม่เป็นความจริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

ทหารม้าคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา ในพื้นที่ซำแต หลังยอมจำนน

ศรีสะเกษ 29 ก.ค.-ทบ. เผยคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา หลังทหารม้า เข้ากวาดล้างที่มั่นเขมร พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ หลังยอมจำนน จนท.ปลดอาวุธ ยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลเคร่งครัด ก่อนจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธวิถีโค้ง ยิงเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย ฝ่ายไทยจึงได้ใช้ หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจเข้าทำการตอบโต้และกวาดล้างที่มั่นของฝ่ายกัมพูชา จากการปฏิบัติดังกล่าว พบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนนโดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด มีจำนวน 18 นาย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท […]