ธปท. คาดจีดีพี ปี 65 โต 3.3% ส่วนปี 66 โต 4.2%

กรุงเทพฯ 22 ก.ค.-ผู้ว่าการ ธปท. คาดว่า จีดีพี ปี 2565 และ 2566 จะเติบโต 3.3% และ 4.2% นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ จากต้นปีมีเกิน 2 ล้านคน คาดทั้งปีมีนักท่องเที่ยว 6 ล้านคน ผู้ว่างงานและเสมือนว่างงาน ปี 2565 คาดจะมีราว 2.5 ล้านคน เงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ คาดอยู่ที่ 6.2% โดยเดือนมีนาคม คาดไว้ 4.9%


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยในงานพบปะสื่อมวลชน มีท เดอะ เพรส ในหัวข้อทำอย่างไรให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ไม่สะดุด ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ในช่วงฟื้นตัวชัดเจนขึ้น แต่ยังไม่ทั่วถึง โดยคาดว่า จีดีพี ปี 2565 และ 2566 จะเติบโต 3.3% และ 4.2% นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ จากต้นปีมีเกิน 2 ล้านคน ทั้งปีคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 6 ล้านคน ผู้ว่างงานและเสมือนว่างงาน ปี 2565 คาดว่าจะมีราว 2.5 ล้านคน เงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 6.2% โดยเดือนมีนาคม คาดไว้ 4.9%

ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ของปี 2565 สะท้อนการฟื้นตัวต่อเนื่อง ดัชนีการบริโภคภาคเอกชน เติบโต 9.9% มูลค่าการส่งออกสินค้า เติบโต 9.7% รายได้แรงงานนอกภาคเกษตร ไม่รวมมาตรการรัฐ เติบโต 10.3% และรายได้เกษตรกร ไม่รวมมาตรการรัฐ เติบโต 16.7%


ผู้ว่าการ ธปท. ยังกล่าวด้วยว่า สิ่งที่อยากเห็นในบริบทเศรษฐกิจแบบนี้ เป้าหมายสำคัญ คือ เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ไม่สะดุด เพราะเงินเฟ้อสูงส่งผลต่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และเราจะทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยสิ่งที่ต้องนำมาใช้ คือ 1. นโยบายการเงิน เพื่อช่วยสร้างมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะไม่เพิ่มขึ้นอีก การขึ้นดอกเบี้ยที่จะไม่ทำให้เศรษฐกิจสะดุด 2. มาตรการทางการเงิน ปัจจุบันฐานะของสถาบันการเงินแข็งแกร่งเพียงพอรองรับความเสี่ยงในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธปท.ยังได้ชี้แจงประเด็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท เงินทุนเคลื่อนย้าย และเงินทุนสำรอง ด้วยว่า หลายเรื่องไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐที่กว้างขึ้นเป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้เงินทุนของไทยไหลออกนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่มีผลต่อเงินทุนแต่ยังมีปัจจัยอื่น เช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพของเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนซึ่งตั้งแต่ต้นปีไทยยังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ ขณะที่ประเทศที่ดอกเบี้ยสูงกว่าสหรัฐ เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย ยังเผชิญเงินทุนไหลออก

ส่วนเรื่องเงินบาทอ่อนค่าลงมากเพราะเงินทุนไหลออกนั้น ก็ไม่เป็นความจริงเพราะตั้งแต่ต้นปี 2565 เงินบาทอ่อนค่าจากยูเอสดอลลาร์แข็งค่าเป็นหลักและปกติเงินบาทมักเคลื่อนไหวจากปัจจัยภายนอก คือ ทิศทางสกุลเงินต่างประเทศถึง 86% นอกจากนี้ช่วงที่มีเงินทุนไหลเข้าไทย เงินบาทก็อ่อนค่าได้


เงินทุนสำรองลดลงมากเพราะต้องใช้พยุงค่าเงินบาท ก็ไม่เป็นความจริง เพราะการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนสำรองมาจาก 3 ปัจจัย คือ ผลตอบแทนการลงทุน การตีมูลค่าของสินทรัพย์ และการดำเนินนโยบายค่าเงินของ ธปท.

ที่สำคัญคือ เงินทุนสำรองที่ลดลงจะกระทบเสถียรภาพการเงินไทยจนเกิดวิกฤตแบบปี 2540 นั้น ก็ไม่เป็นความจริง โดยปัจจุบันเงินทุนสำรองของไทยล่าสุดอยู่ที่ 2.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 51% ของจีดีพี สูงเป็นอันดับ 12 และอันดับ 6 ของโลกตามลำดับ นอกจากนี้ เสถียรภาพการเงินไทยยังมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากจากปี 2540.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ครบ 72 ชม. ตึก สตง.ถล่ม ไม่หยุดค้นหาผู้รอดชีวิต

ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุตึก สตง.พังถล่ม แม้เวลาผ่านมาครบ 72 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่้ทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายามในการค้นหาผู้รอดชีวิต หวังมีปาฏิหาริย์

นายกฯ สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือนภัย ลั่นยังไม่ได้ SMS แผ่นดินไหว

นายกฯ ลั่น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือน “กรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือ” ไม่ต้องผ่าน กสทช. ระหว่าง รอ Cell Broadcast เต็มระบบ ก.ค.นี้

ปภ.ยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ใช่ผลจากอาฟเตอร์ช็อก

ปภ.แถลงชี้แจงกรณีสถานการณ์อพยพออกจากอาคาร ยืนยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ได้เป็นผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก