กรุงเทพฯ 20 ก.ค.-อธิบดีกรมทางหลวง ยืนยันการจัดงบประมาณ เน้นความคุ้มค่า ประโยชน์ของคนในพื้นที่ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมารายใดรายหนึ่ง
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ชี้แจงกรณีที่มีการอภิปรายกระจุกตัวไปที่ จ.บุรีรัมย์ และให้ผู้รับเหมาบางรายว่า การตั้งงบประมาณของหน่วยงานราชการจะมีหลักการในการตั้งงบประมาณ เพราะเส้นทางของ ทล.และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เป็นเส้นทางสายหลัก แตกต่างจากเส้นทางในท้องถิ่น โดยจะยึดหลักความคุ้มค่า ความต้องการของคนในพื้นที่ ซึ่งจะมีทั้งการสร้างเส้นทาง และงานการอำนวยความสะดวก ดังนั้น การตั้งงบประมาณจะมี 2 ลักษณะ คือ การก่อสร้างโครงการขยายใหญ่ เช่น ขยาย 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร หรือการแก้จุดตัด ซึ่งจะเป็นแผน 5 ปี และ 2. โครงการขนาดเล็ก ที่เป็นการปรับปรุง เน้นแก้เฉพาะจุดแบบเร่งด่วน ใช้เวลา 1 ปี ซึ่งการกระจายงบทั่วถึง ไม่ได้เน้นพื้นที่ใดที่หนึ่ง
ซึ่งการตั้งงบประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการตั้งงบประมาณ ขอไปแต่ได้รับแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น หากแบ่งแต่ละภูมิภาคจะเห็นว่าแตกต่างกัน แต่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น การเชื่อมโยงโครงข่าย โดยจังหวัดที่ขอรับงบประมาณสูงก็ยังคงเป็นจังหวัดใหญ่ เช่น นครราชสีมา และนครปฐม เป็นต้น โดยในช่วงปี 2563-2565 จ.บุรีรัมย์ ได้รับงบประมาณเฉลี่ยจำนวน 4,016 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ จ.นครราชสีมา ได้รับการจัดสรรงบประมาณเฉลี่ย 8,211 ล้านบาท ในขณะที่งบประมาณของ ทช. ทล. รวม 140,000 ล้านบาท ขณะที่ จ.นครราชสีมา ได้รับการจัดสรร 7,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ งบประมาณในส่วนของ จ.บุรีรัมย์ มีการจัดลำดับความสำคัญโครงการก่อสร้างและการซ่อมบำรุงรักษาถนนครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด ที่มีโครงข่ายเชื่อมโยงกับจังหวัดอื่น ๆ ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ อาจจะถูกตัดงบประมาณน้อยกว่าจังหวัดอื่น เนื่องจากสำนักงบประมาณอาจเล็งเห็นถึงความสำคัญของ จ.บุรีรัมย์ ที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนประเด็นว่า มีการเอื้อประโยชน์กับผู้รับเหมาบางรายในการจัดซื้อจัดจ้างในจังหวัดบุรีรัมย์นั้น ตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของกรมทางหลวง ใช้ระบบ e-Bidding (อีบิดดิ้ง) ผู้ประกอบการต้องซื้อเอกสารประกวดราคา และยื่นเสนอราคา ผ่านระบบ e-GP ของกรมบัญชีกลาง มีขั้นตอนที่จะไม่ให้เจ้าของงานกับผู้รับเหมามาเจอกัน ดังนั้น การประมูลมีความโปร่งใส และแข่งขันที่เป็นธรรม และการเก็บข้อมูล 4 ปี 2560-2564 มีผู้รับจ้าง 35 รายในจังหวัดบุรีรัมย์ มีการแข่งขันแน่นอน ไม่ได้มีการเอื้อประโยชน์ให้รายใดรายหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย