กรุงเทพฯ 8 ก.ค.-พาณิชย์ทำ MOU ร่วมกับการกีฬา ยกระดับวงการกีฬาไทย หนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม พร้อมนำทีมเปิด “IP Fair 2022” ยิ่งใหญ่ปีนี้ หวังจุดประกายคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไอเดียสร้างสรรค์เป็นทรัพย์สิน 8-10 ก.ค.นี้ ที่สยามสเคป ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานมหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (IP Fair) 2022 และเป็นสักขีพยานพิธีลงนาม MOU ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และนายก้องศักด์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ประธานคณะอนุกรรมาธิการการกีฬาอาชีพและอุตสาหกรรมกีฬา ผู้แทนจากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ว่า
การจัดงาน IP Fair 2022 ปีนี้มีหลากหลายกิจกรรมที่สำคัญมุ่งสนองนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ที่มอบหมายให้นำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้สร้างมูลค่าหรือเพิ่มมูลค่า เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ในงานมีกิจกรรมหลัก คือ มอบรางวัล IP Champion 2022 ให้กับผู้ได้รับรางวัลดีเด่นในทรัพย์สินทางปัญญาแต่ละด้าน เช่น ด้านสิทธิบัตร ตู้ขายเครื่องดื่มเต่าบิน ซึ่งถือเป็นอนุสิทธิบัตรที่สามารถสร้างศักยภาพทางด้านการค้าเศรษฐกิจ นอกจากภายในประเทศแล้วในต่างประเทศอีกมากหลายประเทศ ด้านเครื่องหมายการค้าเจ้าของรองเท้าแตะกีโต้ ซึ่งเป็นธุรกิจของคนไทย กลายเป็นแบรนด์หรือเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และไปไกลอีกหลายประเทศทั่วโลก ด้านลิขสิทธิ์ การจัดทัวร์นาเมนต์ด้านกีฬา โดยการจัดการแข่งขันเจ็ตสกี ซึ่งจะมีลิขสิทธิ์ทั้งด้านการจัดการแข่งขันและลิขสิทธิ์การถ่ายทอดไปยังผู้ชมทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ถ้าเราสามารถพัฒนาไปเป็นการจัดการแข่งขันระดับโลก ระดับอาเซียน ระดับเอเชียก็จะทำให้เรากลายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งในการจัดการแข่งขันและลิขสิทธิ์การถ่ายทอดและอื่น ๆ ข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมายการค้าหรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อุปกรณ์กีฬา ชุดแต่งกาย สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับประเทศต่อไป และสุดท้าย ด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นการเฉพาะ
ปัจจุบัน กรมทรัพย์สินทางปัญญาการจดทะเบียนไปแล้วถึง 161 สินค้า จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มเมื่อได้รับการจดทะเบียนเป็น GI ที่ได้รับรางวัลคือข้าวสังข์หยดของจังหวัดพัทลุง ซึ่งเมื่อก่อนขายได้เพียงกิโลกรัมละ 20-30 บาท หลังเป็น GI ขายได้ 80-90 บาท/กก. ซึ่ง GI ทั้งประเทศตอนนี้มี 161 สินค้า ในอดีตขายได้เพียง 10,000 กว่าล้านบาทต่อปี แต่ขณะนี้สามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมีความสำคัญสำหรับอดีตและโลกในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ทำ MOU กับการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อนำกีฬามาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นตัวขับเคลื่อนและส่งต่อชื่อเสียงของประเทศ และจะสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศและวงการกีฬาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการสร้างคุณภาพชีวิตให้กับนักกีฬาผู้อยู่ในวงการกีฬาและชื่อเสียงของประเทศได้มูลค่าทางเศรษฐกิจมาด้วย ซึ่งมีหลายด้านที่จะนำมาใช้ประโยชน์จาก MOU ได้เช่น ชุดกีฬา อุปกรณ์กีฬา การออกแบบ ลิขสิทธิ์การถ่ายทอด ทัวร์นาเมนต์ กีฬาด้านอื่น เช่น มวยไทยก็จะเป็นรูปธรรมมีเป้าหมายชัดเจนการแข่งขัน สามารถเพิ่มมูลค่าโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งการแปลงงานศิลป เช่น ภาพวาด ไปเป็น NFT ผ่านระบบดิจิทัล นำไปขายผ่านระบบบล็อกเชน ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นศิลปะที่รังสรรค์โดยศิลปินซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ตนมอบด้านซอฟต์พาวเวอร์ว่า ต้องเน้นสร้างมูลค่าจากซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งวันนี้มีลูกของคุณถวัลย์ ดัชนี นำภาพที่มาแปลงเป็น NFT มาขายบนระบบแพลตฟอร์มบล็อกเชนซึ่งขายได้มูลค่าถึง 2,800,000 บาทด้วยกัน
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุว่า มหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP Fair 2022 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 กรกฎาคมนี้ ที่บริเวณชั้น 1 และชั้น 9 สยามสเคป ชูแนวคิด มันส์ดีเวิร์ส ทรัพย์สินทางปัญญาทางเลือกของคนรุ่นใหม่ โชว์ไอเดียการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ในภาคอุตสาหกรรม ทั้งกีฬา ศิลปะ ดนตรี เทคโนโลยี เกม ฯลฯ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสทางธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตร อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เครือเจริญโภคภัณฑ์ ทรูคอร์ปอเรชั่น กลุ่มบริษัท ปตท. เอสซีจีเคมิคอลส์ กสิกรเอ็กซ์ ฯลฯ ร่วมสร้างพื้นที่แห่งโอกาสและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2565 กระทรวงพาณิชย์สร้างมูลค่าทางการตลาดกว่า 2,118 ล้านบาท มีธุรกิจที่ได้รับประโยชน์มากกว่า 9,000 ราย ซึ่งเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญต่อการยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เช่น จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแบบเร่งด่วน (Fast Track) ลดระยะเวลาจาก 18 เดือน เหลือ 6 เดือน และสามารถยื่นคำขอเพื่อรับการคุ้มครองในอีก 127 ประเทศทั่วโลก และในสิ้นปีนี้จะลดระยะเวลาจดทะเบียนให้เหลือ 4 เดือน การจดทะเบียนสิทธิบัตรแบบมุ่งเป้า (Fast Track) โดยเริ่มจากสาขาผลิตภัณฑ์ยา วัคซีน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ลดระยะเวลาการตรวจสอบจากอย่างน้อย 5 ปี เหลือ 1 ปี และสามารถยื่นคำขอเพื่อขอรับความคุ้มครองในอีก 155 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Advisory Center: IPAC) เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำแก่ประชาชนและผู้ประกอบการไทยในทุกมิติที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ณ จุดเดียวอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย