หนุนวงการกีฬาไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญา-นวัตกรรม

กรุงเทพฯ 8 ก.ค.-พาณิชย์ทำ MOU ร่วมกับการกีฬา ยกระดับวงการกีฬาไทย หนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม พร้อมนำทีมเปิด “IP Fair 2022” ยิ่งใหญ่ปีนี้ หวังจุดประกายคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไอเดียสร้างสรรค์เป็นทรัพย์สิน 8-10 ก.ค.นี้ ที่สยามสเคป ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานมหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (IP Fair) 2022 และเป็นสักขีพยานพิธีลงนาม MOU ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และนายก้องศักด์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ประธานคณะอนุกรรมาธิการการกีฬาอาชีพและอุตสาหกรรมกีฬา ผู้แทนจากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ว่า

การจัดงาน IP Fair 2022 ปีนี้มีหลากหลายกิจกรรมที่สำคัญมุ่งสนองนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ที่มอบหมายให้นำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้สร้างมูลค่าหรือเพิ่มมูลค่า เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ


ทั้งนี้ ในงานมีกิจกรรมหลัก คือ มอบรางวัล IP Champion 2022 ให้กับผู้ได้รับรางวัลดีเด่นในทรัพย์สินทางปัญญาแต่ละด้าน เช่น ด้านสิทธิบัตร ตู้ขายเครื่องดื่มเต่าบิน ซึ่งถือเป็นอนุสิทธิบัตรที่สามารถสร้างศักยภาพทางด้านการค้าเศรษฐกิจ นอกจากภายในประเทศแล้วในต่างประเทศอีกมากหลายประเทศ ด้านเครื่องหมายการค้าเจ้าของรองเท้าแตะกีโต้ ซึ่งเป็นธุรกิจของคนไทย กลายเป็นแบรนด์หรือเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และไปไกลอีกหลายประเทศทั่วโลก ด้านลิขสิทธิ์ การจัดทัวร์นาเมนต์ด้านกีฬา โดยการจัดการแข่งขันเจ็ตสกี ซึ่งจะมีลิขสิทธิ์ทั้งด้านการจัดการแข่งขันและลิขสิทธิ์การถ่ายทอดไปยังผู้ชมทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ถ้าเราสามารถพัฒนาไปเป็นการจัดการแข่งขันระดับโลก ระดับอาเซียน ระดับเอเชียก็จะทำให้เรากลายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งในการจัดการแข่งขันและลิขสิทธิ์การถ่ายทอดและอื่น ๆ ข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมายการค้าหรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อุปกรณ์กีฬา ชุดแต่งกาย สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับประเทศต่อไป และสุดท้าย ด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นการเฉพาะ

ปัจจุบัน กรมทรัพย์สินทางปัญญาการจดทะเบียนไปแล้วถึง 161 สินค้า จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มเมื่อได้รับการจดทะเบียนเป็น GI ที่ได้รับรางวัลคือข้าวสังข์หยดของจังหวัดพัทลุง ซึ่งเมื่อก่อนขายได้เพียงกิโลกรัมละ 20-30 บาท หลังเป็น GI ขายได้ 80-90 บาท/กก. ซึ่ง GI ทั้งประเทศตอนนี้มี 161 สินค้า ในอดีตขายได้เพียง 10,000 กว่าล้านบาทต่อปี แต่ขณะนี้สามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมีความสำคัญสำหรับอดีตและโลกในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ทำ MOU กับการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อนำกีฬามาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นตัวขับเคลื่อนและส่งต่อชื่อเสียงของประเทศ และจะสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศและวงการกีฬาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการสร้างคุณภาพชีวิตให้กับนักกีฬาผู้อยู่ในวงการกีฬาและชื่อเสียงของประเทศได้มูลค่าทางเศรษฐกิจมาด้วย ซึ่งมีหลายด้านที่จะนำมาใช้ประโยชน์จาก MOU ได้เช่น ชุดกีฬา อุปกรณ์กีฬา การออกแบบ ลิขสิทธิ์การถ่ายทอด ทัวร์นาเมนต์ กีฬาด้านอื่น เช่น มวยไทยก็จะเป็นรูปธรรมมีเป้าหมายชัดเจนการแข่งขัน สามารถเพิ่มมูลค่าโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งการแปลงงานศิลป เช่น ภาพวาด ไปเป็น NFT ผ่านระบบดิจิทัล นำไปขายผ่านระบบบล็อกเชน ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นศิลปะที่รังสรรค์โดยศิลปินซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ตนมอบด้านซอฟต์พาวเวอร์ว่า ต้องเน้นสร้างมูลค่าจากซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งวันนี้มีลูกของคุณถวัลย์ ดัชนี นำภาพที่มาแปลงเป็น NFT มาขายบนระบบแพลตฟอร์มบล็อกเชนซึ่งขายได้มูลค่าถึง 2,800,000 บาทด้วยกัน


นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุว่า มหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP Fair 2022 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 กรกฎาคมนี้ ที่บริเวณชั้น 1 และชั้น 9 สยามสเคป ชูแนวคิด มันส์ดีเวิร์ส ทรัพย์สินทางปัญญาทางเลือกของคนรุ่นใหม่ โชว์ไอเดียการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ในภาคอุตสาหกรรม ทั้งกีฬา ศิลปะ ดนตรี เทคโนโลยี เกม ฯลฯ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสทางธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตร อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เครือเจริญโภคภัณฑ์ ทรูคอร์ปอเรชั่น กลุ่มบริษัท ปตท. เอสซีจีเคมิคอลส์ กสิกรเอ็กซ์ ฯลฯ ร่วมสร้างพื้นที่แห่งโอกาสและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2565 กระทรวงพาณิชย์สร้างมูลค่าทางการตลาดกว่า 2,118 ล้านบาท มีธุรกิจที่ได้รับประโยชน์มากกว่า 9,000 ราย ซึ่งเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญต่อการยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เช่น จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแบบเร่งด่วน (Fast Track) ลดระยะเวลาจาก 18 เดือน เหลือ 6 เดือน และสามารถยื่นคำขอเพื่อรับการคุ้มครองในอีก 127 ประเทศทั่วโลก และในสิ้นปีนี้จะลดระยะเวลาจดทะเบียนให้เหลือ 4 เดือน การจดทะเบียนสิทธิบัตรแบบมุ่งเป้า (Fast Track) โดยเริ่มจากสาขาผลิตภัณฑ์ยา วัคซีน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ลดระยะเวลาการตรวจสอบจากอย่างน้อย 5 ปี เหลือ 1 ปี และสามารถยื่นคำขอเพื่อขอรับความคุ้มครองในอีก 155 ประเทศทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Advisory Center: IPAC) เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำแก่ประชาชนและผู้ประกอบการไทยในทุกมิติที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ณ จุดเดียวอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]