แนะธุรกิจไทยเตรียมรับมือเศรษฐกิจขาลง

กรุงเทพฯ 5 ก.ค.- แนะธุรกิจไทย เตรียมรับมือเศรษฐกิจขาลง เผย 3 ฉากทัศน์ที่อาจเกิดขึ้น ทั้ง “ซอฟต์แลนดิ้ง” “StagFlation” และสงครามโลก พร้อมรับราคาน้ำมันพุ่ง-เงินเฟ้อสูง-จีดีพีติดลบ ด้าน “ไออาร์พีซี” ปรับตราสินค้า Polimaxx พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเมกะเทรนด์พลังงาน


ในงานเสวนาออนไลน์ “POLIMAXX เจาะอนาคต เศรษฐกิจไทย” ที่ POLIMAXX หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี จากบริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) จัดขึ้น นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยในหัวข้อ “Global and Domestic Economic Outlook 2022” ระบุว่า การพยากรณ์อนาคตทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องยาก แต่หากอยากทำนายอนาคต ให้มองย้อนหลังกลับไปจะพบว่าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก วนเวียนอยู่กับความโลภและความกลัว วนไปวนมา โดยมีอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และค่าเงิน เป็นปัจจัยหลัก

ปัจจุบันแม้สถานการณ์โควิดจะเริ่มคลี่คลาย แต่โลกยังต้องเผชิญกับเรื่องของ Geopolitical Risk หรือความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อ จึงอยากให้มองประวัติศาสตร์ย้อนหลังไป 500 ปี เพื่อเตรียมหาทางรับมือ โดยจะพบว่าฉากทัศน์ทางเศรษฐกิจที่เคยเกิดขึ้น มี 3 รูปแบบ รูปแบบที่ 1 กรณีเลวร้ายสุดครั้งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี 1939-1945 ราคาน้ำมันจากที่ราคา 0.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เคยปรับตัวสูงขึ้นถึง 1.22 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 72% เงินเฟ้อที่ระดับ 1.8% ปรับขึ้นเป็น 10.9% ขณะที่จีดีพีสหรัฐ จากที่โต 6.9% กลายเป็นติดลบ -1.0 %


รูปแบบที่ 2 เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการจับคู่กันทำสงคราม ช่วงปี 1970-1979 ราคาน้ำมัน จาก 3 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล กลายเป็น 12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือเพิ่มขึ้น 400% เงินเฟ้อจากที่ระดับ 2.4% เพิ่มสูงขึ้นเป็น 6.2 % ขณะที่จีดีพี แม้จะโตได้ 2.3% แต่ลดลงจากระดับ 4.7% ส่วนรูปแบบที่ 3 คือหากเกิดซอฟต์แลนดิ้ง ราคาน้ำมัน จาก 75 ดอลลาร์สหรัฐ พุ่งแตะ 130 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 74% เงินเฟ้อจากระดับ 2.2% เพิ่มขึ้นเป็น 3.2% ขณะที่จีดีพี ลดลงจาก 3% เหลือ 2%

ทั้งนี้สำหรับประเทศไทย หากสถานการณ์ปัจจุบันพัฒนาเป็นแบบซอฟต์แลนดดิ้ง เศรษฐกิจจะชะลอตัวไปอีก 1-2 ปี จีดีพี จากที่เคยติดลบ 6.2% ในปี 2020 จากสถานการณ์โควิด จะค่อยๆ โตขึ้น ปีนี้อาจได้เห็นจีดีพี 2.8% และหากอาจเป็น 3.4% ในปี 2023 ส่วนเงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 6.7% และลดลงเหลือ 2.5% ในปีหน้า แต่หากเกิด StagFlation เศรษฐกิจจะชะลอตัวยาวนาน 3-5 ปี จีดีพีปี 2023 จะเหลือแค่ 1.4% และเหลือ 1.0% ในปี 2023 ส่วนเงินเฟ้อปีนี้จะอยู่ที่ 7.5% และลดลงเหลือ 5% ในปีหน้า แต่หากเกิดสงครามโลก เศรษฐกิจจะถดถอยเป็นเวลามากกว่า 5 ปี จีดีพีจะปักหัวลง เหลือ -1% ในปี 2022 และ -8% ในปี 2023 ส่วนเงินเฟ้อจะพุ่งเป็น 7.5% ในปีนี้ และ10% ในปีหน้า

ดังนั้น จึงอยากฝากให้ผู้ประกอบการของไทยให้เตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ทั้ง 3 ฉากทัศน์ โดยให้เน้นที่การพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์กร, การมีแผนการลงทุนที่สามารถแบ่งโครงการและส่งมอบเป็นช่วงๆ , การบริหารหนี้ และสินค้าคงเหลือต้องไม่เยอะ , การใช้ข้อมูลทางเทคโนโลยีมาพัฒนากระบวนการภายใน สุดท้ายคือการวิจัยและพัฒนา ทั้งนี้เชื่อว่าจากนี้ไปหากธุรกิจยังสามารถเอาตัวรอดได้ จะกลับมาแข็งแกร่งอย่างแน่นอน


ด้าน จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคัพ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวในหัวข้อ Blockchain and Future Era โดยระบุว่า ขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำหรับกับเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 40 ปี เช่น สหรัฐ มีอัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ราว 8% เยอรมัน อยู่ที่ราว 9% ส่วนไทย แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะต่ำกว่า สหรัฐ และเยอรมัน แต่ก็สูงสุดในเป็นประวัติการณ์ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจถดถอยในระยะสั้น 6-18 เดือน ดังนั้น ภาคธุรกิจจะต้องวางแผนรับมือในระยะสั้น ด้วยการอย่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ส่วนในระยะยาว จะต้องเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยการลงทุนและศึกษาเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนภาคประชาชน ในระยะสั้นก็จำเป็นต้องประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง

ด้านนายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ได้ย้ำถึงทิศทางใหม่ของธุรกิจปิโตรเคมี โดยระบุว่าปัจจุบันธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายหลายปัจจัย ทั้งปัญหาสงครามการค้า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภค ความผันผวนของราคาพลังงาน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และปัญหาโลกร้อน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีต้องปรับตัว โดยไออาร์พีซี ได้ยกระดับผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ (Polymer) เป็นตราสินค้า (Brand) ใหม่ของ Polimaxx IRPC ให้สดใสและทันสมัยขึ้น แต่ยังคงรวบรวมผลิตภัณฑ์ภายใต้กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีทั้งหมดของบริษัทฯ ไว้ภายใต้ Brand ด้วยกัน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการสินค้าของโลกในอนาคตที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เช่น เครื่องบิน ,ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) สถานีชาร์จไฟฟ้า, ชิ้นส่วนประกอบให้กับแบตเตอรี่ และอุปกรณ์สำหรับติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำ

นอกจากนี้ยังเข้าไปลงทุนผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น การผลิตผ้า Melt Blown ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผ้าชั้นกรองหน้ากากอนามัย (PPE) หน้ากาก N95 และแผ่นกรองอากาศ รวมถึงผ้าสปันบอนด์ ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก PP (Polypropylene) ที่สามารถนำไปตัดเป็นชุด PPE รวมถึงการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศทำการศึกษา การทำไหมย่อยสลายได้ที่ให้สำหรับลิ้นหัวใจ เรียกได้ว่า ทุกธุรกิจของไออาร์พีซี ได้ถูกออกแบบและปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและเทรนด์ของธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตไว้ครอบคลุมแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]