EXIM BANK ชูโซเชียลมีเดียสร้างผู้ส่งออกป้ายแดง

28 มิ.ย. – EXIM BANK ชูโซเชียลมีเดียสร้างผู้ส่งออกป้ายแดง พร้อมปั้นผู้ส่งออกมืออาชีพสร้างแบรนด์ไทยติดตลาดโลกยุค Next Normal


โลกกำลังเผชิญกับสึนามิเทคโนโลยีในทุกระดับทั้งกายภาพและชีวภาพ ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภค การสื่อสาร วิธีการทำงาน ผนวกกับการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 จึงยิ่งเป็นตัวเร่งให้ภาคธุรกิจต้องนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเร่งด่วน

ผู้บริโภคในยุค Next Normal ได้ย้ายจากออฟไลน์มาอยู่ในโลกออนไลน์ ผู้คนใช้โซเชียลมีเดียเพื่อแชร์ สำรวจ และเชื่อมต่อกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในชุมชน ทำให้นักการตลาดต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ซึ่งเรียกว่า “ลูกค้าอยู่ที่ไหน เราจะอยู่ที่นั่น” เพื่อที่จะเข้าถึงลูกค้าบนแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้งานบ่อยที่สุด องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้โซเชียลมีเดียในการประชาสัมพันธ์และขยายธุรกิจ เพิ่มเติมจากช่องทางเดิม ๆ


การเลือกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใช่เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้การสื่อสารพุ่งตรงสู่เป้าหมายได้ตรงจุด ทำให้สามารถทุ่มเทความสนใจและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรได้อย่างสูงสุด

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้นำกลยุทธ์ “ลูกค้าอยู่ที่ไหน เราจะอยู่ที่นั่น” มาใช้เช่นกัน โดยได้ใช้แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเป็นช่องทางหลักในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกค้าและประชาชนทั่วไป นับว่าเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพไม่ได้สร้างแค่เพียงภาพลักษณ์ขององค์กร แต่ได้สร้างผู้ส่งออกป้ายแดงให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจอีกด้วย

มีน้อยคนที่รู้ว่าสตาร์ทอัพผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับ Internet of Things อุปกรณ์สำหรับใช้กับคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไทยชื่อดังอย่าง “Anitech” นั้นได้รับการสนับสนุนเริ่มต้นจาก EXIM BANK ผ่านมาทางโซเชียลมีเดีย


พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป กล่าวว่า “ผมจำได้ว่าตอนที่ผมเริ่มอยากจะเปิดโรงงานขยายตลาดไปต่างประเทศ ผมกำลังคิดว่าจะหาแหล่งเงินทุนที่ไหนดี ช่วงนั้นก็หาข้อมูลเยอะ วันหนึ่งได้เปิด Facebook ขึ้นมา แล้วเจอ Feed ที่เป็น EXIM BANK ก็เห็นว่าเป็นธนาคารที่ให้การสนับสนุนการส่งออกจึงคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่เราจะไปเป็นลูกค้า จึงได้ลองส่งข้อความไปทาง Messenger สอบถามข้อมูล ทางธนาคารก็ติดต่อกลับมาและส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลอย่างดี เข้ามาช่วยสนับสนุนทำให้เราสามารถที่จะขยายตลาดในต่างประเทศได้ โดยบริการแรกที่ผมใช้บริการกับ EXIM BANK คือบริการรับประกันการส่งออก”

คุณพิชเยนทร์ ย้อนอดีตสมัยที่เริ่มก่อตั้งบริษัทให้ฟังว่า ในช่วงที่เรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสได้ร่วมกับเพื่อนทำธุรกิจพัฒนา chipset ที่ใส่อยู่ในเครื่องเล่นเกมอย่าง X-BoX และ Playstation พอเรียนจบกลับไทยก็อยากทำธุรกิจที่เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีต่อ จึงเริ่มรับจ้างผลิตแบบ Origianl Equipment Manufacturer (OEM) คือ ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตัวเอง โดยผลิตให้กับ Global brand ต่าง ๆ แต่เมื่ออยู่ใน Supply Chain แล้ว เจ้าของแบรนด์มีการลดต้นทุนตลอดเวลา ทำให้ลำบาก และเห็นว่าการยืมจมูกคนอื่นหายใจเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจและไม่ยั่งยืน จึงหันมาพัฒนาแบรนด์ของตัวเองและขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าการเติบโตของ SMEs จะต้องได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินด้วย ตอนที่เริ่มส่งออกเรากลัวเรื่องความเสี่ยงมาก ได้ EXIM BANK มาช่วยตรงนี้ก็ทำให้เราลดความกังวลว่าส่งออกแล้วไม่ได้รับเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ

“บริการประกันการส่งออกตอบโจทย์ธุรกิจของเราอย่างมาก เพราะช่วงขยายตลาดต่างประเทศมากนั้น เราไม่สามารถให้เครดิตเทอมกับคู่ค้าของเราได้เต็มที่นัก ขณะที่ลูกค้าของเราเองก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเงินเราได้ ณ วันที่สินค้าเราส่งไปถึง บริการประกันการส่งออกที่ช่วยคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินช่วยให้เรากล้าเสนอเทอมการชำระเงินที่ผ่อนปรน และค้าขายกับใครก็ได้ในต่างประเทศ โดยไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยง”

นอกจากนี้ในการเข้าไปรับดำเนินโครงการของภาครัฐ EXIM BANK ก็ช่วยจัดการเรื่องของ Bank Guarantee ให้ในเวลาที่รวดเร็วมาก ๆ ทำให้เราสามารถที่จะลงนามสัญญาได้รับโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้ภายในเวลาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าเป็นความประทับใจในบริการที่ได้รับจาก EXIM BANK มาโดยตลอด ทีมงานไปจนถึงผู้บริหารให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี” คุณพิชเยนทร์ กล่าว

ทั้งนี้ ช่องทางที่ EXIM BANK ใช้ติดต่อสื่อสารกับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจที่จะทำการค้าระหว่างประเทศหรือปรึกษาปัญหาธุรกิจมีหลากหลาย ช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook ทางแฟนเพจ “EXIM Bank of Thailand” และแฟนเพจ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร DR.Rak Vorrakitpokatorn” และทางเว็บไซต์ https://www.exim.go.th ซึ่งจะมีช่องทาง Chat ระหว่าง EXIM BANK กับลูกค้าและประชาชนที่สนใจ เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและบริการอย่างทันท่วงที

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK ให้ความสำคัญกับเสียงของลูกค้าทุกรายที่ส่งข้อความเข้ามาถาม โดยไม่ได้เน้นในเรื่องของการขาย แต่ต้องการให้เป็นช่องทางสร้างความสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานที่ดีระหว่างผู้คนกับธนาคาร ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเป็นผู้ส่งออกหรือเป็นลูกค้า แต่เป็นประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจจะทำธุรกิจ ต้องการข้อมูลข่าวสารแล้วไม่รู้จะถามใคร ก็สามารถสอบถามข้อมูลความรู้เข้ามาได้ และธนาคารก็ยินดีให้บริการ ซึ่งการใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่เริ่มต้นทำธุรกิจอาจจะกังวล กลัว และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

“คุณพิชเยนทร์ หงษ์ภักดี บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป เป็นตัวอย่างของ SMEs ที่เริ่มต้นแล้วไม่รู้จะคุยกับใคร จะเริ่มตรงไหน ก็ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเข้ามาคุยกับธนาคาร อยากให้ผู้ประกอบการที่เริ่มต้นใหม่อย่ากลัวที่จะถาม อย่ากลัวที่จะติดต่อมาแล้วจะไม่ได้รับความสนใจ EXIM BANK ให้ความสำคัญกับทุกคน หากกลัวไม่ได้รับความสะดวกจะติดต่อมาที่แฟนเพจของ ดร.รักษ์ โดยตรงก็ได้” กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าว

ดร.รักษ์กล่าวว่า ธนาคารได้พยายามเพิ่มช่องทางการติดต่อของลูกค้ากับธนาคารให้หลากหลายและมีมากขึ้น โดยนำเอาความกังวลของ SMEs มาปรับการให้บริการ โดยได้จัดตั้ง “EXIM Contact Center โทร 0 2169 9999” ให้เป็น “ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs (One Stop Trading Facilitator for SMEs)” โดยเจ้าหน้าที่มีประสบการณ์จะให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องธุรกิจและการเงิน ตลอดจนประสานงานและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าแบบครบวงจรในจุดเดียว ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังใช้ช่องทางการออกบูทในงานมหกรรมการเงินต่าง ๆ อย่างเช่น งาน Money EXPO, Thailand Smart Money, Smart SME Expo โดยนำเจ้าหน้าที่ไปให้บริการพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล ตลอดจนให้คำปรึกษาทั้งด้านข้อมูลข่าวสารและบริการทางการเงินแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจจะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออก

ดร.รักษ์ กล่าวว่า ในด้านการเสริมสร้างผู้ประกอบการ SMEs จะใช้นโยบาย 3 เติมเพื่อเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ เติมความรู้ สร้างโอกาสให้ SMEs เข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อทั่วโลก เริ่มตั้งแต่ Training บ่มเพาะความรู้ด้านการส่งออก กระบวนการและเอกสารที่เกี่ยวข้อง Assessment มีแบบประเมินความพร้อมด้านการส่งออกด้วยระบบประเมินความพร้อมผู้ส่งออก (Thailand Export Readiness Assessment and Knowledge Management : TERAK) เติมเงินทุน สนับสนุนด้านเงินทุนตลอดวงจรธุรกิจ เติมเครือข่าย จัดให้มีช่องทางสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อมได้ร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อจะได้รู้จักและเข้าถึงผู้ซื้อในต่างประเทศได้เร็วขึ้น

ดร.รักษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การสร้างผู้ประกอบการ SMEs ให้เป็นนักรบเศรษฐกิจไทยต้องแก้ไข Pain Points โดยเฉพาะเรื่องความกลัวให้ได้ก่อน EXIM BANK จึงอาสาเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจโดยเปิดให้บริการในทุกช่องทาง รวมทั้งโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจในทุกระดับสามารถเข้าถึงความรู้ เงินทุน และเครือข่ายที่จะเตรียมความพร้อมเป็นนักรบเศรษฐกิจไทยที่คว้าชัยชนะในตลาดการค้าโลกยุค Next Normal ได้อย่างประสบความสำเร็จและยั่งยืน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย