นนทบุรี 12 พ.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์ ชง กนป. ตั้งคณะอนุกรรมการ ดูแลราคาปาล์ม-น้ำมันปาล์ม ให้สมดุลมากที่สุด และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศตรวจสตอกและรายงานสตอกใรับทราบทุก 7 วัน เพื่อติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ให้มีน้ำมันปาล์มบริโภคเพียงพอและดูแลราคาให้มีเสถียรภาพ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดครั้งที่ 1/ 2565 (ครั้งที่ 30) โดยปริมาณผลปาล์มในประเทศ มีประมาณ 17.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน ขณะนี้ราคาผลปาล์มในประเทศราคาดีขึ้นมาก เช่นเดียวกับราคาพืชผลการเกษตรอื่นๆ เช่น ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ข้าวหรือผลไม้ ราคาผลปาล์มวันที่11 พฤษภาคม 2565 กิโลกรัมละ 9.80-11.20 บาท เพิ่มขึ้น 52% จากราคาเฉลี่ยปีที่แล้วทั้งปี เมื่อราคาในประเทศเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มขวดบริโภคเพิ่มสูงขึ้นด้วย เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ราคาน้ำมันปาล์มขวดถ้าคิดตามโครงสร้างต้นทุน จะต้องตกประมาณขวดละ 76 บาท แต่จากการบริหารจัดการของกรมการค้าภายในและกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับผู้ประกอบการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถปรับราคาลงจาก 76 บาทเหลือประมาณ 65-68 บาทต่อขวด
ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการผลปาล์มดิบของเกษตรกร การผลิตน้ำมันปาล์มดิบของโรงสกัด และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มรีไฟน์เข้าสู่ภาวะสมดุล ไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนสำหรับบริโภค และมีเสถียรภาพด้านราคาเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงสกัด จึงได้มีการตั้งอนุกรรมการ ประกอบด้วย 3 ฝ่าย 1.หน่วยงานภาครัฐ2.ตัวแทนเกษตรกรและ3.ตัวแทนผู้ประกอบการ โดนตัวแทนภาครัฐมี 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1.กรมการค้าภายใน2.กรมการค้าต่างประเทศ 3.กรมศุลกากร 4.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 5.กรมพัฒนาพลังงานและอนุรักษ์พลังงานผู้แทนเกษตรกร 2 องค์กรสำคัญที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการ 1.สมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 2.สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม
3.สมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย และ4.ผู้แทนคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม เป็นอนุกรรมการมีหน้าที่สำคัญดังนี้ 1.วิเคราะห์สถานการณ์การผลิต การตลาด ราคาและปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาผลปาล์มและน้ำมันปาล์ม2.ให้กำหนดปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่เหมาะสมกับสถานการณ์และให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศเพื่อป้องกันน้ำมันปาล์มขาดแคลน 3.ให้มีหน้าที่กำหนดมาตรการแนวทางเงื่อนไขหลักเกณฑ์วิธีการและอื่นๆที่เกี่ยวกับการให้เกิดความสมดุลของน้ำมันปาล์มให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติและภารกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง”
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้รับทราบข้อสั่งการของกรมการค้าภายในที่อธิบดีได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศตรวจสตอกและรายงานสต๊อกให้อนุกรรมการชุดนี้รับทราบทุก 7 วัน นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เพื่อติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด ให้มีน้ำมันปาล์มบริโภคเพียงพอและดูแลราคาให้มีเสถียรภาพเหมาะสมต่อไป เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายทั้งเกษตรกร โรงสกัด ผู้ประกอบการและผู้บริโภค ทั้งนี้จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติหรือ กนป.
“ขณะนี้มีสตอกน้ำมันปาล์มดิบอยู่ประมาณ 180,000 ตัน ถึง 200,000 ตัน ต้องยอมรับว่าราคาผลปาล์มสูงขึ้นมากซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯและรัฐบาล ทำให้ผลปาล์มมีราคาสูงเพื่อประโยชน์กับเกษตรกร แต่อาจจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มบริโภคจึงต้องมีคณะอนุกรรมการชุดนี้ ช่วยดูแลสร้างสมดุล ให้ทุกฝ่าย วิน-วิน ตามนโยบาย”วิน-วินโมเดล” ให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ และกระทรวงพาณิชย์กำกับราคาน้ำมันปาล์มขวดบริโภคที่แม้ต้นทุนจะสูงมากแต่อย่าให้แพงจนเกินควร”นายจุรินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกรมการค้าภายในระบุว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2565 (4 เดือน) มีผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดแล้ว 5.75 ล้านตัน มากที่สุดในเดือนมีนาคม จำนวน 1.82 ล้านตัน สำหรับผลผลิตปาล์มน้ำมันในระยะต่อไป มีแนวโน้มลดลง ในเดือนพฤษภาคมจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวน 1.70 ล้านตัน
โดยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดครั้งที่ 1/ 2565 วันนี้แล้วจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานพิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย