กรุงเทพฯ 18 เม.ย.- คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแก้ปัญหาหวยแพง เผยเปิดจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ทั่วภาคกลาง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ได้แล้ว 209 จุด ก่อนขยายครบทั่วประเทศ งวด 16 มิถุนายนนี้ พร้อมเดินหน้าแก้กฎหมายแพ่งอาญา ป้องปรามระยะยาว
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล และประธานคณะทำงานเฉพาะกิจฯ พร้อมด้วย พันตรี ประพล อยู่ปาน ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด อนุกรรมการฯ และพันโท หนุน ศันสนาคมผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขานุการคณะทำงานเฉพาะกิจฯ ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะอนุกรรมการฯและความคืบหน้าการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ตามแนวทางของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เกี่ยวกับโครงการสลาก 80 โครงการลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ และการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
โดยผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึง ความคืบหน้า โครงการสลาก 80 ระยะที่ 2 มีตัวแทนจำหน่ายสมัครเข้ามาทั้งหมด 4,790 ราย จาก 77 จังหวัด 691 อำเภอ และมีอำเภอที่ไม่มีผู้สมัคร 237 อำเภอ ขณะนี้ได้ดำเนินการคัดเลือกไปแล้ว ได้ตัวแทนจำหน่ายพร้อมเข้าร่วมโครงการ ในกรุงเทพ ปริมณฑล และภาคกลาง ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน 1,046 ราย ได้ตัวแทนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 132 ราย รวมจากระยะแรกที่มี 77 ราย เป็น 209 ราย ขณะนี้ เริ่มจำหน่ายสลากงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 แล้ว สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน 755 ราย คัดเลือกได้จำนวน 151 ราย คาดว่าจะสามารถทำสัญญาประมาณปลายเดือนเมษายน 2565 และจะเริ่มขายสลากงวดวันที่ 1 มิถุนายน 2565 สำหรับ ภาคตะวันออก ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน 333 ราย จาก 53 อำเภอ จะไปดำเนินการชี้แจงหลักเกณฑ์ และทำการคัดเลือก ในวันที่ 23 – 24 เมษายน 2565 ส่วนภาคเหนือมีผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 996 ราย จาก148 อำเภอ และภาคใต้ ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 450 ราย จาก 84 อำเภอ ปลายเดือนพฤษภาคม 2565 และจะเริ่มขายสลากงวดวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 สำหรับจำนวนที่เหลือ เพิ่มเติมให้ครบจำนวน 1,000 จุด เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่องต่อไป
สำหรับโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ นั้น จากมาตรการที่กำหนดให้ผู้มีสิทธิทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้า ฯปี 2558 ที่ลงทะเบียนยืนยันตัวตน ต้องดำเนินการ Scan QR Code และยืนยันผ่านเป๋าตังนั้น ตั้งแต่งวด 16 มีนาคม2565 จนถึงปัจจุบัน ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าปี 2558 ที่ยืนยันตัวตนเข้ามา 129,290 ราย มีจำนวน 65,365 ราย ที่โหลดQR code เพื่อให้ผู้ซื้อ Scan ผ่านแอปพลิเคชั่น Line ของสำนักงานฯ ล่าสุด มีผู้ซื้อให้ความร่วมมือในการ Scan แล้ว3,132,566 ครั้ง (จากผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ 53,943 ราย) และจากการลงพื้นที่สำรวจผู้จำหน่ายสลากฯ ของชุดเฉพาะกิจ ตั้งแต่งวด 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นมา จำนวนผู้จำหน่ายสลากที่ตรวจสอบเกือบ 8,000 ราย แบ่งเป็น ตัวแทนจำหน่าย, ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ และผู้ค้านอกระบบ ซึ่งสำนักงานฯ ต้องนำรายชื่อทั้งหมดมาตรวจสอบกับระบบฐานข้อมูลของสำนักงานสลากอีกครั้งหนึ่งว่าถูกต้องตรงกันหรือไม่
ในส่วนของโครงการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสลากดิจิทัล (Digital Lottery) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดรูปแบบเพื่อทดสอบระบบ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินการในงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ต่อไป สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวเกี่ยวกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ยังต้องลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะลงพื้นที่จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นประชาชนได้ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
ในส่วนของเรื่องเพื่อพิจารณาในวันนี้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ประธานที่ประชุมกล่าวว่า ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบมาตรการสำคัญทางกฎหมายที่ควรนำมาแก้ไขการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา เพื่อนำมาใช้ในการป้องปรามการกระทำความผิด รวมทั้งควบคุมและกำกับมิให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ประกอบด้วย มาตรการทางแพ่ง ควรมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและคู่สัญญาโดยกำหนดมาตรการทางแพ่งเพิ่มเติม ได้แก่ หน้าที่และความรับผิดชอบ การวางเงินมัดจำในการทำสัญญา การกำหนดให้มีเบี้ยปรับ เป็นต้น ส่วนมาตรการทางอาญา ควรมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2562 โดยการกำหนดมาตรการทางอาญาเพิ่มเติมจากที่มีอยู่เดิม
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางกฎหมายอื่น ๆ ควรมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยกำหนดมาตรการทางกฎหมายซึ่งมิใช่มาตรการทางอาญาหรือมาตรการทางแพ่งเพิ่มเติม เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย