กรุงเทพฯ 12 เม.ย.-แบงก์ชาติ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.คลัง แจงเหตุเงินเฟ้อทั่วไปสูงกว่ากรอบเป้าหมาย คาดเงินเฟ้อจะทยอยเข้ากรอบได้ปลายปี 2565
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ทำจดหมาย เปิดผนึกถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงวันทึ่ 8 เม.ย. 65 เพื่อ ชี้แจงการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน จากที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีข้อตกลงร่วมกัน เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 กำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1 – 3 % เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายสำหรับปี 2565
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 กนง. ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2566) จะอยู่ที่ร้อยละ 4.1 สูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ดังนั้น กนง. จึงขอเรียนซี้แจงถึง ปัจจัยสำคัญมาจาก เงินเฟ้อด้านอุปทาน (cost-push shocks) เป็นสำคัญ ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์(demand-pull inflation) ยังอยู่ในระดับต่ำ
แรงกดดันเงินเฟ้อส่วนใหญ่มาจากผลกระทบราคาพลังงานจากปัญหา “รัสเซีย-ยูเครน” คาดว่าอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าจะเร่งตัวสูงที่ร้อยละ 16.8 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่ร้อยละ 1.6 มาก นอกจากนี้ยังมาจากปัญหาโรคระบาดในสุกรและการส่งผ่านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นไปยังราคาอาหารสำเร็จรูป และ ราคาอาหารสดหมวดอื่น ๆ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นบ้างตามต้นทุนราคาอาหารสัตว์และปุ๋ยเคมีที่สูงขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ที่ร้อยละ3.4 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่ร้อยละ 0.6 มากเช่นกัน
ด้านแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังไม่เข้มแข็งนักจากเศรษฐกิจที่กำลังทยอยฟื้นตัวและยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 รวมถึงตลาดแรงานที่ยังเปราะบางและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าทำได้เพียงบางส่วน
กนง. ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่รู้อยละ 2.0 จากราคาอาหารสำเร็จรูปที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นหลัก ระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มสูงกว่าร้อยละ 5 ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ก่อนที่จะปรับลดลงในช่วงหลังของปี 2565 และกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้สะท้อนผลจากฐานที่ต่ำของราคาน้ำมันและ
ทั้งนี้ แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมัน ที่มีโอกาสสูงขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการ อาจมากกว่าคาด แต่โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 จะสูงกว่ากรอบเป้าหมายมีไม่มาก
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางที่สะท้อนจากข้อมูลตลาดการเงินยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย แม้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะสั้นจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ตามการปรับขึ้นของราคาสินค้าบางประเภท สะท้อนความเชื่อมั่นว่านโยบายการเงินจะสามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาในระยะปานกลางได้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2551 ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นถึงร้อยละ 5.5 ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับขึ้นสูงสุดถึง 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 6 แต่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะปานกลางปรับเพิ่มขึ้นไม่มากและยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย
ทั้งนี้ กนง. จะติดตามปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลเสถียรภาพด้านราคาและเสถียรภาพระบบการเงินตามข้อตกลงร่วมกันระหว่าง กนง. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่16 พฤศจิกายน 2564 กนง. จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้งใน 6 เดือนข้างหน้า หาก ณ เวลานั้นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาหรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้ายังคงเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับสาธารณชนเป็นการทั่วไป กนง. จะเผยแพร่สาระของหนังสือชี้แจงฉบับนี้ต่อสาธารณชนผ่านทาง website ของ ธปท. ด้วย .-สำนักข่าวไทย