กรุงเทพฯ 11 เม.ย. – อธิบดีกรมชลประทานระบุ ปรับเพิ่มการระบายน้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยาให้สอดคล้องกับการใช้น้ำและสภาพน้ำ ยืนยันยังควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา บางปะกง และท่าจีนได้ตั้งแต่เริ่มฤดูแล้งจนถึงปัจจุบัน
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อให้กับการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ และสภาพน้ำในพื้นที่ โดยช่วงวันที่ 11 – 14 เม.ย. ปรับการระบายจากเขื่อนภูมิพลเป็นวันละ 14 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ระบายวันละ 10 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนระบายวันละ 6.91 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในช่วงวันที่ 10 – 18 เม.ย.65 ระบายวันละ 5.18 ล้าน ลบ.ม. โดยควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ในเกณฑ์ไม่น้อยกว่า 250 ลบ.ม. ต่อวินาที ส่วนระดับน้ำน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์ไม่ต่ำกว่า +14.50 ถึง +15.50 ม.รทก. ทั้งนี้การควบคุมน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ระดับดังกล่าวทำให้สามารถรับน้ำเข้าเข้าพื้นที่ผ่านคลองทั้ง 5 คลอง ประกอบด้วย ปตร.มโนรมย์ ปตร.มหาราช ปตร.มะขาม-อู่ทอง ปตร.พลเทพ และบรมธาตุเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ได้ตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้จะพิจารณาการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง-เจ้าพระยา โดยการระบายน้ำหรือการสูบผ่านทาง ปตร.สิงหนาท 2 ในอัตราไม่ต่ำกว่า 18 ลบ.ม./วินาทีควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในช่วงวันที่ 11 – 17 เม.ย.65 ระบายในอัตรา 30 ลบ.ม./วินาที
ทั้งนี้การระบายน้ำตามแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อการควบคุมความเค็มที่วางไว้ทำให้ในฤดูแล้งนี้ ไม่มีปัญหาความเค็มรุกทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมีจุดเฝ้าระวังสำคัญคือที่สถานีสูบน้ำสำแล จ. ปทุมธานีซึ่งเป็นสถานีสูบน้ำสำหรับผลิตน้ำประปาซึ่งไม่ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับในลุ่มน้ำบางปะกงซึ่งสามารถสูบน้ำไปใช้ผลิตประปาได้โดยไม่มีปัญหา ส่วนลุ่มน้ำท่าจีนซึ่งเป็นแหล่งปลูกกล้วยไม้แหล่งใหญ่ ค่าความเค็มไม่เกินเกณฑ์น้ำทำการเกษตร
สำหรับภาวะน้ำทะเลหนุนสูงรอบต่อไป กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือและกองอำนวยการน้ำแห่งชาติประกาศเตือนว่าจะเป็นช่วงวันที่ 4-6 พ.ค. และ 19-21 พ.ค. ซึ่งกรมชลประทานจะเฝ้าระวังค่าความเค็มและบริหารจัดน้ำโดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการใช้น้ำ.-สำนักข่าวไทย