สุราษฎร์ธานี 23 ก.พ. – กรมทช. ประสานทุกหน่วยงานเฝ้าระวังระหว่างกู้เรือบรรทุกน้ำมันชื่อ “ป. อันดามัน 2” ที่ล่มกลางทะเลในจังหวัดชุมพรเมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา คาดว่า การกู้จะแล้วเสร็จกลางเดือนมี.ค. ที่จะถึงนี้ โดยทช. เตรียมเรือไว้รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินทีอาจเกิดขึ้นระหว่างกู้เรือ
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า วันนี้ (23 ก.พ.) เป็นวันที่ 2 ของแผนการกู้เรือ “ป. อันดามัน 2” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันที่ล่มน่านน้ำชุมพรเมื่อวันที่ 22 ม.ค. โดยเมื่อวานนี้นักประดาน้ำทำการถอดอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่กับเรือ ป.อันดามัน 2 ออกทั้งหมด พร้อมใส่อุปกรณ์กลับในตำแหน่งที่ถอดออก ทั้งนี้บริษัท พี.เค มารีน คอนสตรัคชั่น อีควิปเม้นท์ จำกัด ผู้รับจ้างเก็บกู้ได้เก็บกู้น้ำมันจากเรือ ป.อันดามัน 2 จำนวน 8 ถัง โดยสูบใส่เรือวีนัส 24 เสร็จสิ้นเรียบร้อย ไม่มีน้ำมันในถังสินค้าของเรือ ป.อันดามัน 2 ปริมาณน้ำมันที่กู้ขึ้นมารวม 155,215 ลิตร ส่วนแผนการกู้เรือ ป.อันดามัน 2 กรมเจ้าท่าได้สั่งการให้บริษัทกู้เรือ ป.อันดามัน 2 อย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการกู้เรือมีดังนี้
- 26-28 ก.พ. นำเรือลากจูงเข้าประจำตำแหน่ง พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เพื่อลากจูง
- 1-3 มี.ค. จัดเตรียมอุปกรณ์อัดอากาศนำลงไปติดตั้งที่ตัวเรือ เพื่อพยุงให้เรือลอยขึ้น
- 3-4 มี.ค. ลากจูงเรือไปยังตำแหน่งที่น้ำลึก 15-20 เมตร
- 4-6 มี.ค. นักประดาน้ำปลดอุปกรณ์ทั้งหมดออกจากเรือและทิ้งสมอยึดเรือไว้
- 6-9 มี.ค. นักประดาน้ำติดตั้งอุปกรณ์อัดอากาศเพื่ออัดอากาศให้เรือลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
- 9-14 มี.ค. นักประดาน้ำดำสำรวจเรือ พร้อมอุดรอยรั่วและดูดน้ำออกจากเรือเพื่อให้เรือลอยสู่ผิวน้ำในสภาพที่ลากจูงได้
- 14-16 มี.ค. ถอดอุปกรณ์ทั้งหมดออกจากเรือและส่งมอบให้กับเจ้าของเรือ
จากการติดตามของศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางและศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดชุมพรซึ่งประสานข้อมูลผ่านเครือข่ายต่างๆ ไม่พบคราบน้ำมันที่ผิวน้ำและบริเวณชายฝั่ง รวมทั้งไม่พบคราบน้ำมันกระจายไปสู่แหล่งหญ้าทะเลและแนวปะการังในจังหวัดชุมพรแต่อย่างใด แต่จะต้องวางแผนในลำดับต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน
ตลอดการกู้เรือศูนย์ ทช. อ่าวไทยตอนกลาง และสำนักงาน ทช.ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) จะประสานข้อมูลกับหน่วยงานในจ.ชุมพร ผ่านเครือข่ายต่างๆ ตรวจสอบพื้นที่โดยตลอด ซึ่งกรม ทช. เตรียมพร้อม โดยนำเรือ ทช.218 ทช.303 และเรือ สวพ ว.301 ไว้รองรับสถานการณ์ในกรณีเหตุเร่งด่วนแล้ว.-สำนักข่าวไทย