นักวิชาการเสนอรัฐบาลลดภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร

กรุงเทพฯ 4 ก.พ. – นักวิชาการเสนอรัฐบาลลดภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร และควรปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน-ก๊าซหุงต้มให้เหมาะสม ชี้กองทุนน้ำมันฯ ไม่ควรรับภาระอุดหนุนราคาสูงเกินไป 


นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า จากวิกฤติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแบกรับภาระอุดหนุนราคาพลังงานทั้งดีเซลและก๊าซหุงต้ม ประเมินว่าหากราคาน้ำมันโลกยังแพงต่อเนื่อง และหากวิกฤติความขัดแย้งไม่ว่าจะเป็นที่ตะวันออกกลาง ปัญหา ยูเครน-รัสเซียบานปลาย ก็อาจะทำให้เห็นราคาน้ำมันดิบแตะ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ดังนั้น เงินกองทุนฯ ซึ่งในขณะนี้ติดลบกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ก็จะไม่สามารถแบกภาระได้อีก  ดังนั้น แนวทางที่เหมาะสมคือ รัฐบาลต้องควรลดภาษีน้ำมันสรรพสามิตทั้งดีเซลและกลุ่มเบนซิน ประมาณ 2 บาท/ลิตร จากอัตราปัจจุบันที่จัดเก็บเกือบ 6 บาทต่อลิตร หรือพิจารณาปรับเพิ่มเพดานดูแลดีเซลให้สูงเกินกว่า 30 บาท/ลิตร และเห็นด้วยกับกระทรวงพลังงานที่ต้องลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซล (บี 100 ) ในดีเซลจากบี 7 หลือบี 5 ซึ่งจากราคาผลปาล์มที่สูงมาก ก็เชื่อว่าเกษตรกรจะเข้าใจภาวะลดค่าครองชีพของคนส่วนใหญ่ในประเทศ


“ จากภาวะปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลในขณะนี้ คาดว่าไม่น่าจะปรับเพิ่มเพดานดูแลดีเซลเกิน 30 บาท ดังนั้นวิธีการที่เหมาะสม คือ การลดภาษีน้ำมันลงมา โดยควรลดทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลเป็นการชั่วคราว 2 บาท/ลิตร เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน ” นายพรายพล กล่าว 

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อนุกรรมการ บริการสาธารณะ,สิ่งแวดล้อม,พลังงาน สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะใช้เงินกองทุนฯน้ำมันมาดูแลราคาดีเซล เพราะสุดท้ายแล้วประชาชนก็ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯพร้อมดอกเบี้ย รัฐบาลควรจะลดภาษีน้ำมัน โดยในส่วนของดีเซลปัจจุบันจัดเก็บ 5.99 บาท/ลิตร แต่น้ำมันเครื่องบิน ถูกลดภาษีเหลือ 20 สตางค์/ลิตร รัฐบาลอ้างช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบินจากผลกระทบโควิด-19 นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้ใช้น้ำมันเบนซินกลับต้องจ่ายเงินดูแลดีเซลผ่านค่าการตลาดที่สูงขึ้น จึงถือว่าไม่เป็นธรรม

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานควรปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มใหม่ ให้เหมาะสม ลดภาระกองทุนน้ำมันฯ เช่น ก๊าซหุงต้มไม่ควรอิงราคาตลาดตะวันออกกลาง หรือ ซีพี ทำให้ต้นทุนสูงเกินไป  ในขณะที่ราคาน้ำมันควรทบทวนเรื่องค่าดำเนินการ ค่าประกัน ค่าขนส่งที่เปรียบเทียบกับสิงคโปร์ 


“เข้าใจว่ากระทรวงการคลังไม่อยากลดภาษีน้ำมัน เพราะภาษีน้ำมันสร้างรายได้ราว 2แสนล้านบาทต่อปี แต่รัฐกลับนำเงินไปช่วยเรื่องลดค่าใช้จ่าย”คนละครึ่ง” ซึ่งช่วยเหลือคนได้น้อยกว่า การลดภาษีน้ำมันที่คนทั้งประเทศได้ประโยชน์ เมื่อลดภาษีเครื่องบินเหลือ 20 สต./ลิตร แล้วทำไมภาษีดีเซลจะลดลงให้เท่ากันไม่ได้” น.ส.รสนา กล่าว

ด้านนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. กล่วาว่ากระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยก็หวังว่า ปํญหาความตรึงเครียดทั้งในตะวันออกกลาง  รวมถึงปัญหายูเครนและรัสเซียจะไม่บานปลาย หากยุติโดยเร็วและเมื่อสิ้นฤดูหนาว เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม ความต้องการน้ำมันโลกเพื่อทำความอบอุ่นจะลดลง และราคาพลังงานก็น่าจะปรับลดลง

ทั้งนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศนโยบายสำคัญ ตรึงราคาดีเซลและก๊าซหุงต้มจนถึงสิ้นเดือน มีนาคม 65 โดยตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 318 บาท/ถัง ขนาด 15 กก. หลังจากตรึงมาแล้วประมาณ 2 ปี เพื่อช่วยลดผลกระทบประชาชนจากโควิด-19  โดยใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุน 14.86 บาท/กก. และตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตร โดยใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุน 3.79 บาทต่อลิตร และผู้ค้าก็ต้องช่วยดูแลด้วยค่าการตลาดที่ต่ำกว่าควรจะเป็นเหลือเพียง 60 สต.ต่อลิตร จากอัตราปกติแล้ว ไม่ควรต่ำกว่า 1.80 บาท/ลิตร  

สำหรับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ดูเฉพาะดีเซล ก็มาจาก .ราคาน้ำมันตลาดโลกที่พุ่งขึ้น โดยราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์ที่ไทยใช้อ้างอิง ราคาขยับขึ้นไปราว 100 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว เงินบาทที่อ่านค่าที่อยู่ราวกว่า 33  บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็ทำให้ราคาเนื้อน้ำมันดีเซลหน้าโรงกลั่นฯขยับไปอยู่ที่กว่า 21 บาทต่อลิตร  ในขณะที่ราคาปาล์มขยับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ผลปาล์มดิบอยู่ที่ราว 11-12 บาท/กก. และส่งผลให้ราคาไบโอดีเซล บี 100 อยู่ที่ 57.27 บาทต่อลิตร ก็มีผลทำให้เป็นต้นทุนในดีเซลบี 7 อยู่ที่ราว 3.20 บาทต่อลิตร จึงเป็นที่มาที่ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติลดส่วนผสมจากบี 7 เป็นบี 5 เริ่ม 5 ก.พ.นี้ จนถึง สิ้นเดือนมีนาคม ซึ่งเมื่อรวมกับอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องแล้วก็จะช่วยลดต้นทุนราคาน้ำมันได้ราว 50-60 สตางค์ต่อลิตร โดยจะมีการรายงานเพื่อทราบต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ (กนป.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 4 มี.ค. ท่ามกลาง เสียงคัดค้านจากชาวสวนปาล์ม      

ในส่วนของการตรึงราคาทั้งดีเซลและก๊าซหุงต้ม ในขณะนี้ใช้กองทุนน้ำมันฯเข้ามาดูแลซึ่ง จนถึงสิ้นเดือน ม.ค. 65 เงินกองทุนก็ติดลบไปถึง 14,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่บัญชีติดลบจากการดูแลราคาแอลพีจีมา 2 ปี เกือบ 2.5 หมื่นล้านบาท ประเมินกันว่า จากการอุดหนุนที่สูงขึ้น เงินกองทุนจะไหลออกประมาณกว่า 8 พันล้านบาทต่อเดือน ที่มาของเงินกองทุนก็มาจากการจัดเก็บจากผู้ใช้น้ำมัน ซึ่งล่าสุด ครม.อนุมัติกู้เสริมสภาพคล่อง 2 หมื่นล้านบาทและสามารถกู้เพิ่มได้อีก 1 หมื่นล้านบาท  นับว่าเป็นวิกฤติของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกระลอก โดยในอดีต รัฐบาลหลายสมัยใช้กลไกกองทุนมาอุดหนุนราคาพลังงาน อุดหนุน สูงสุดคือสมัยรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” ปี 2544 กองทุนน้ำมันติดลบถึง 82,988 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]

อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร ย่องให้ข้อมูลตำรวจกองปราบ

12 ก.ค. – อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร แอบย่องเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบ เวลา 12.05 น. วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เบื้องต้นส่วมชุด โปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าวันนี้เข้ามาให้ปากคำกรณีที่ ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสวัดโสธรฯ ไม่ตอบแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมต่ออีกว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่นั้น ด้านอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน.-414-สำนักข่าวไทย