ชู “ประหยัดน้ำ เท่ากับ บริจาคน้ำ” ทางรอดจากวิกฤติแล้ง

กรุงเทพฯ 4 ม.ค. – อธิบดีกรมชลประทาน คาดฤดูแล้งนี้พื้นที่ทำนาเกินแผน เดินหน้าจัดสรรน้ำแบบประณีต รณรงค์ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ชูแนวคิด “ประหยัดน้ำ เท่ากับ บริจาคน้ำ” ตามโครงการ “ประหยัดน้ำ ทางรอดต้านแล้ง” สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี


นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า ในฤดูแล้ง 2564/2565 นี้คาดว่า พื้นที่นาปรังทั่วประเทศจะมากกว่าแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาคาดว่า จะมีความต้องการใช้น้ำจากโครงการขนาดใหญ่และขนาดกลาง 5,700 ล้าน ลบ.ม โดยกำหนดแผนการปลูกข้าวไว้ 2.81 ล้านไร่ แต่จากการสำรวจเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ปลูกไปแล้ว 2.08 ล้านไร่ จึงมีแนวโน้มว่า จะมีพื้นที่เพาะปลูกเกินแผน 

สำหรับแนวทางในการจัดสรรน้ำของกรมชลประทานคือ จัดสรรอย่างประณีตให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของแต่ละภาคส่วน ล่าสุดกำหนดให้ “การทำนาเปียกสลับแห้ง” ซึ่งเป็นการให้น้ำแก่ต้นข้าวในปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละช่วงซึ่งลดการใช้น้ำในการทำนาได้ถึงร้อยละ 28 แต่ให้ผลผลิตสูงกว่าการทำนาแบบปกติ โดยนำร่องในพื้นที่สำนักงานชลประทำนที่ 12 จังหวัดชัยนาทซึ่งอยู่ในลุ่มเจ้าพระยา โดยมีแผนเพาะปลูกข้าว 0.83 ล้านไร่ ปลูกไปแล้ว 0.67 ล้านไร่ และมีแนวโน้มที่จะเพาะะปลูกเกินแผนที่วางไว้เช่นเดียวกัน 


วันนี้ (4 ม.ค.) กรมชลประทานจัดประชุมเจ้าหน้าที่และเกษตรกรเพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยขานรับนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้คนไทยมีน้ำเพียงพอใช้ตลอดทั้งปี จึงจัดทำโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “ประหยัดน้ำ ทางรอดต้านแล้ง” เพื่อรณรงค์ให้คนไทยประหยัดน้ำเพื่อชาติ ภายใต้แนวคิด “ประหยัดน้ำ เท่ากับ บริจาคน้ำ” เตรียมความพร้อมทุกภาคส่วนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดทรัพยากรน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติภัยแล้ง

อธิบดีกรมชลประทานกล่าวต่อว่า แนวทางด้านการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 จะดำเนินการตามมาตรการการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง 8 มาตรการได้แก่ 

มาตรการที่ 1 เร่งเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน เพื่อเป็นน้ำต้นทุนในช่วงฤดูแล้ง


มาตรการที่ 2 จัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งสํารวจ ตรวจสอบ พื้นที่ที่มีศักยภาพ ที่จะพัฒนาเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำรองได้

มาตรการที่ 3 กําหนดการจัดสรรน้ำฤดูแล้ง รวมทั้งติดตามกํากับให้เป็นไปตามแผนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค พร้อมจัดทําทะเบียนผู้ใช้น้ำ

มาตรการที่ 4 วางแผนเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนการเพาะปลูกในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นอันดับแรก

มาตรการที่ 5 เตรียมน้ำสํารองสําหรับพื้นที่ลุ่มต่ำ เพื่อสนับสนุนน้ำเตรียมแปลง

มาตรการที่ 6 เฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก สายรอง และเตรียมแผนรองรับกรณีเกิดปัญหา

มาตรการที่ 7 ติดตามประเมินผล เพื่อให้ผลการดําเนินงานเป็นไปตามแผน

มาตรการที่ 8 สร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำและแผนบริหารจัดการน้ำ ให้ทุกภาคส่วน เกิดความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัดและเป็นไปตามแผนที่กําหนดไว้

นอกจากนี้ยังจัดทำคอนเทนต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของกรมชลประทาน ทั้งในรูปแบบของการรายงานสถานการณ์น้ำ รูปแบบการบริหารจัดการน้ำ แนวทางในการประหยัดน้ำ เพื่อสร้างจิตสำนึก ให้เกิดความเข้าใจ แล้วแชร์ต่อในวงกว้าง จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น อีกทั้งร่วมกันประหยัดน้ำและใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่สำนักงานชลประทานในพื้นที หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]