กรอ.พาณิชย์เคาะตัวเลขเป้าส่งออกปี 65 ขยายตัวเพิ่มร้อยละ 3-4

นนทบุรี 27 ธ.ค.- รมว.พาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกปี 64 สุดปัง เพิ่มขึ้น 16% คิดเป็นมูลค่า 8 ล้านล้านบาท นำโดยสินค้าเกษตร เกษตรอุตสาหกรรม คาดปี 65 โตอีกร้อยละ 3-4   


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งสุดท้ายของปี 2564 ว่า ที่ประชุม กรอ.พาณิชย์ ได้มีการสรุปตัวเลขการส่งออกประจำปี 2564 แม้จะยังไม่ถึงสิ้นปี แต่ประเมินว่า การส่งออกจะเป็นบวกร้อยละ 16 คิดเป็นเงินตราเข้าประเทศประมาณ 8,585,600 ล้านบาท หมวดสินค้าที่สำคัญ คือ 1. การเกษตร 2. เกษตรอุตสาหกรรม 3. อุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องรอตัวเลขจริงอีกครั้งในเดือนธันวาคม

ส่วนการคาดการณ์ตัวเลขการส่งออกในปี 2565 กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า ยอดการส่งออกจะยังขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-4 คิดเป็นตัวเลขการส่งออกประมาณ 9 ล้านล้านบาท หรือ 2.8 แสนดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าปี 2564 ถึงกว่า 4 แสนล้านบาท โดยปัจจัยที่นำมาพิจารณา คือ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบ ราคาสินค้าเกษตร ราคาวัตถุดิบเฉลี่ยของโลก สถานการณ์โควิด การขนส่ง ค่าระวางเรือ และทูตพาณิชย์จากทั่วโลก จัดทำตัวเลขประเมิน


สำหรับสินค้าที่มีแนวโน้มดี คือ 1. สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว ผลไม้ กุ้ง น้ำตาลทราย อาหารสัตว์เลี้ยง 2. สินค้าเวิร์กฟอร์มโฮม เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า 3. สินค้าเวชภัณฑ์ 4. วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าขั้นต่อไป เช่น เหล็ก เม็ดพลาสติก ยางรถยนต์ 

ส่วนปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกในปีหน้าให้มีอัตราขยายตัว คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก OECD คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5, การนำเข้าของประเทศคู่ค้า เช่น สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป, ปัจจัยค่าเงินบาทที่คาดว่าจะยังเอื้อต่อการส่งออกที่อัตรา 32-33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ, การผลิตตู้คอนเทนเนอร์เพื่อส่งออกสินค้าจากจีน, การเติบโตของธุรกิจด้านไอที, การแก้ไขสถานการณ์โควิด ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะดีขึ้น และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค 15 ประเทศ หรือ “อาร์เซ็ป” ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 

สำหรับการคาดการณ์ตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดน ปี 2564 เป็นบวกร้อยละ 32 ทำรายได้จากการส่งออก ขาดเดียวทั้งปี 2564 คือ 1 ล้านล้านบาท ส่วนตัวเลขในปี 2565 คาดว่าจะเป็นบวกร้อยละ 5-7 หรือคิดเป็นมูลค่าเงิน 1.07-1.08 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการค้าชายแดน ทั้งนำเข้าและส่งออกที่ 1.78-1.82 ล้านล้านบาท 


สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการส่งออกในปี 2565 ยังคงเป็นประเด็นใกล้เคียงกับปี 2564 คือ สถานการณ์ระบาดของโควิด การขาดแคลนแรงงาน การขาดแคลนวัตถุดิบบางประเภท เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และมาตรการหรือความเข้มข้นด้านสาธารณสุขของประเทศใดประเทศหนึ่ง เช่น บริเวณด่านพรมแดน 

ส่วนเรื่องรถไฟลาว-จีน มีการพูดคุยกันว่าจะเป็นอีกเส้นทางที่จะช่วยเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าไทยไปยังลาวและจีน จึงเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการและภาคเอกชนทุกฝ่าย ช่วงเดือนมกราคมนี้ ที่ จ.หนองคาย เพื่อหาข้อสรุปว่า ในภาคการปฏิบัติจริงจะทำอย่างไรให้สินค้าไทยสามารถส่งออกโดยใช้เส้นทางดังกล่าวโดยเร็วที่สุด 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า ขอชื่นชมและขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ในการทำงาน โดยช่วงต้นปี 2564 ซึ่งยังไม่มีการระบาดรุนแรงของโควิดสายพันธุ์เดลตา  มีการตั้งเป้าการส่งออกเติบโตร้อยละ 4 แต่จากการสนับสนุนของกระทรวงพาณิชย์ทำให้ตัวเลขการส่งออกเติบโตเกินร้อยละ 15 ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อภาครัฐมีบทบาทสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้ผู้ส่งออก แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดขึ้นจริงจากการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนที่มีความเข้าใจกัน และมีการปลดล็อกปัญหาสำคัญๆ ไม่ใช่ระหว่างหน่วยงานราชการ แต่ยังรวมถึงในต่างประเทศด้วย ซึ่งแม้กระทรวงพาณิชย์จะตั้งเป้าการส่งออกปีหน้าร้อยละ 3-4 แต่  กกร.เชื่อมั่นว่าจะทำให้ตัวเลขการส่งออกเติบโตได้ถึงร้อยละ 3-5 

ส่วนปัญหาโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้น ขณะนี้มีสายพันธุ์ที่ร้ายแรงกว่าแล้วในอินเดีย ดังนั้น สุดท้ายการระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ จะกลายเป็นปัญหาปกติ ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีแผนจัดหาวัคซีนมาเพิ่มเติมอีกอย่างต่ำ 120 ล้านโดส จึงเป็นหลักประกันว่าจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้เพิ่มขึ้น พร้อมเผยว่า ล่าสุดนักลงทุนญี่ปุ่นที่ไปลงทุนในเวียดนาม เริ่มหันกลับมาไทย รวมถึงนักลงทุนจากจีนที่มาลงทุนในไทยมากขึ้น

ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวถึงปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมว่า ข้อมูลแรงงานต่างด้าวที่มีอยู่ก่อนช่วงโควิด อยู่ที่ 2.95 ล้านคน แต่การสำรวจเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เหลือเพียง 2.3 ล้านคน เท่ากับแรงงานที่หายไปจากระบบ คือ 6 แสนคน แต่เนื่องจากตัวเลขการส่งออกของไทยเติบโตขึ้นมากในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม จึงประเมินว่ายังขาดแคลนแรงงานอีกราว 2-4 แสนคน ดังนั้น สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ทำอย่างไรให้การนำเข้าแรงงานมีความสะดวดกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม เช่น วันสต็อปเซอร์วิส เพื่อลดระยะเวลาการนำเข้าแรงงาน จากเดิมใช้เวลา 30-60 วัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน “อีสาน กลาง ใต้” รับมือฝนถล่ม

6 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือฝนถล่ม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” บอกฟอร์มทีม ครม.เรียบร้อยแล้ว-เร่งเดินหน้าแก้ปัญหา

พรรคภูมิใจไทย 5 ก.ย.-“อนุทิน” ขอบคุณเสียงโหวตนั่งนายกฯ คนที่ 32 เร่งเดินหน้าแก้ปัญหาทดแทนโอกาสที่เสียไป เผย วินาทีกราบพ่อ เป็นสิ่งแรกที่อยากทำ ฟอร์มทีม ครม.เรียบร้อยแล้ว บอกผมโอเค พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องโอเค นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภายหลังร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังจากได้รับการโหวตเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุทินได้กล่าวขอบคุณประชาชน ในโอกาสที่ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเสียงของประชาชนที่ได้ใช้สิทธิ์ ผ่านสส. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สส.พรรคประชาชน และพรรคการเมืองที่ได้ลงคะแนนให้กับตน หรือพรรคที่ไม่ได้ลงคะแนนให้กับตน โดยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีนายชัยเกษม นิติสิริ ได้รับการเสนอชื่อโหวตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อการโหวตผ่านพ้นไปแล้ว ก็อยากให้ทุกอย่างมันจบไปด้วยดี และอยากให้เราหันหน้าเข้าหากัน เพื่อทำงานให้กับประชาชน ให้กับประเทศ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความรวดเร็ว เพื่อทดแทนโอกาสที่เสียไป ซึ่งตนเชื่อว่าหากเราหันหน้าทำงานด้วยกัน ก็จะทำให้ทะลุเป้าหมายต่างๆ ได้ ส่วนจะผลักดันนโยบายอะไรต่อขอยังไม่ลงรายละเอียด เมื่อถามถึงการเข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดา หลังจากได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทินเล่าว่า นายชวรัตน์ ไม่ค่อยสบาย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งตนก็คิดว่านายชวรัตน์ ก็อยากให้ไปหา จึงเร่งไปกราบเป็นอันดับแรก เมื่อถามว่านายชวรัตน์ให้พรอะไรบ้าง […]

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย