กรอ.พาณิชย์เคาะตัวเลขเป้าส่งออกปี 65 ขยายตัวเพิ่มร้อยละ 3-4

นนทบุรี 27 ธ.ค.- รมว.พาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกปี 64 สุดปัง เพิ่มขึ้น 16% คิดเป็นมูลค่า 8 ล้านล้านบาท นำโดยสินค้าเกษตร เกษตรอุตสาหกรรม คาดปี 65 โตอีกร้อยละ 3-4   


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งสุดท้ายของปี 2564 ว่า ที่ประชุม กรอ.พาณิชย์ ได้มีการสรุปตัวเลขการส่งออกประจำปี 2564 แม้จะยังไม่ถึงสิ้นปี แต่ประเมินว่า การส่งออกจะเป็นบวกร้อยละ 16 คิดเป็นเงินตราเข้าประเทศประมาณ 8,585,600 ล้านบาท หมวดสินค้าที่สำคัญ คือ 1. การเกษตร 2. เกษตรอุตสาหกรรม 3. อุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องรอตัวเลขจริงอีกครั้งในเดือนธันวาคม

ส่วนการคาดการณ์ตัวเลขการส่งออกในปี 2565 กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า ยอดการส่งออกจะยังขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-4 คิดเป็นตัวเลขการส่งออกประมาณ 9 ล้านล้านบาท หรือ 2.8 แสนดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าปี 2564 ถึงกว่า 4 แสนล้านบาท โดยปัจจัยที่นำมาพิจารณา คือ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบ ราคาสินค้าเกษตร ราคาวัตถุดิบเฉลี่ยของโลก สถานการณ์โควิด การขนส่ง ค่าระวางเรือ และทูตพาณิชย์จากทั่วโลก จัดทำตัวเลขประเมิน


สำหรับสินค้าที่มีแนวโน้มดี คือ 1. สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว ผลไม้ กุ้ง น้ำตาลทราย อาหารสัตว์เลี้ยง 2. สินค้าเวิร์กฟอร์มโฮม เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า 3. สินค้าเวชภัณฑ์ 4. วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าขั้นต่อไป เช่น เหล็ก เม็ดพลาสติก ยางรถยนต์ 

ส่วนปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกในปีหน้าให้มีอัตราขยายตัว คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก OECD คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5, การนำเข้าของประเทศคู่ค้า เช่น สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป, ปัจจัยค่าเงินบาทที่คาดว่าจะยังเอื้อต่อการส่งออกที่อัตรา 32-33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ, การผลิตตู้คอนเทนเนอร์เพื่อส่งออกสินค้าจากจีน, การเติบโตของธุรกิจด้านไอที, การแก้ไขสถานการณ์โควิด ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะดีขึ้น และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค 15 ประเทศ หรือ “อาร์เซ็ป” ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 

สำหรับการคาดการณ์ตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดน ปี 2564 เป็นบวกร้อยละ 32 ทำรายได้จากการส่งออก ขาดเดียวทั้งปี 2564 คือ 1 ล้านล้านบาท ส่วนตัวเลขในปี 2565 คาดว่าจะเป็นบวกร้อยละ 5-7 หรือคิดเป็นมูลค่าเงิน 1.07-1.08 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการค้าชายแดน ทั้งนำเข้าและส่งออกที่ 1.78-1.82 ล้านล้านบาท 


สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการส่งออกในปี 2565 ยังคงเป็นประเด็นใกล้เคียงกับปี 2564 คือ สถานการณ์ระบาดของโควิด การขาดแคลนแรงงาน การขาดแคลนวัตถุดิบบางประเภท เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และมาตรการหรือความเข้มข้นด้านสาธารณสุขของประเทศใดประเทศหนึ่ง เช่น บริเวณด่านพรมแดน 

ส่วนเรื่องรถไฟลาว-จีน มีการพูดคุยกันว่าจะเป็นอีกเส้นทางที่จะช่วยเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าไทยไปยังลาวและจีน จึงเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการและภาคเอกชนทุกฝ่าย ช่วงเดือนมกราคมนี้ ที่ จ.หนองคาย เพื่อหาข้อสรุปว่า ในภาคการปฏิบัติจริงจะทำอย่างไรให้สินค้าไทยสามารถส่งออกโดยใช้เส้นทางดังกล่าวโดยเร็วที่สุด 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า ขอชื่นชมและขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ในการทำงาน โดยช่วงต้นปี 2564 ซึ่งยังไม่มีการระบาดรุนแรงของโควิดสายพันธุ์เดลตา  มีการตั้งเป้าการส่งออกเติบโตร้อยละ 4 แต่จากการสนับสนุนของกระทรวงพาณิชย์ทำให้ตัวเลขการส่งออกเติบโตเกินร้อยละ 15 ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อภาครัฐมีบทบาทสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้ผู้ส่งออก แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดขึ้นจริงจากการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนที่มีความเข้าใจกัน และมีการปลดล็อกปัญหาสำคัญๆ ไม่ใช่ระหว่างหน่วยงานราชการ แต่ยังรวมถึงในต่างประเทศด้วย ซึ่งแม้กระทรวงพาณิชย์จะตั้งเป้าการส่งออกปีหน้าร้อยละ 3-4 แต่  กกร.เชื่อมั่นว่าจะทำให้ตัวเลขการส่งออกเติบโตได้ถึงร้อยละ 3-5 

ส่วนปัญหาโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้น ขณะนี้มีสายพันธุ์ที่ร้ายแรงกว่าแล้วในอินเดีย ดังนั้น สุดท้ายการระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ จะกลายเป็นปัญหาปกติ ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีแผนจัดหาวัคซีนมาเพิ่มเติมอีกอย่างต่ำ 120 ล้านโดส จึงเป็นหลักประกันว่าจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้เพิ่มขึ้น พร้อมเผยว่า ล่าสุดนักลงทุนญี่ปุ่นที่ไปลงทุนในเวียดนาม เริ่มหันกลับมาไทย รวมถึงนักลงทุนจากจีนที่มาลงทุนในไทยมากขึ้น

ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวถึงปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมว่า ข้อมูลแรงงานต่างด้าวที่มีอยู่ก่อนช่วงโควิด อยู่ที่ 2.95 ล้านคน แต่การสำรวจเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เหลือเพียง 2.3 ล้านคน เท่ากับแรงงานที่หายไปจากระบบ คือ 6 แสนคน แต่เนื่องจากตัวเลขการส่งออกของไทยเติบโตขึ้นมากในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม จึงประเมินว่ายังขาดแคลนแรงงานอีกราว 2-4 แสนคน ดังนั้น สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ทำอย่างไรให้การนำเข้าแรงงานมีความสะดวดกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม เช่น วันสต็อปเซอร์วิส เพื่อลดระยะเวลาการนำเข้าแรงงาน จากเดิมใช้เวลา 30-60 วัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-กลาง-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย