กรุงเทพฯ 29 พ.ย. – กรรมการและผู้จัดการ ตลท. มองปีหน้าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบ K-Shaped Recovery เตรียมร่วมมือกับพันธมิตรเสริมอาวุธให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ มุ่งส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือ SET บรรยายพิเศษหัวข้อ “ตลาดหุ้นไทยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 65” ในการเสวนาออนไลน์ “(นาที)ลงทุน โค้งสุดท้ายปี 64” โดยระบุว่า SET เป็นแหล่งระดมทุนและช่องทางการลงทุน เป็นกลไกสำคัญในการจัดสรรเงินทุน และส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2563 มีมูลค่าเสนอขายในตลาดแรก (IPO) 1.6 แสนล้านบาท ส่วนในปี 2564 มีมูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท ในปี 2564 (นับถึงไตรมาส 3/64) ส่วนมูลค่าระดมทุนในตลาดรอง (SO) ปี 2563 อยู่ที่ 93,000 ล้านบาท และปี 2564 มากกว่า 84,000 ล้านบาท (นับถึงไตรมาส 3/64) ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 20 ล้านล้านบาท คิดเป็น 120% ของ GDP
SET มีมูลค่าระดมทุน IPO สูงสุดในอาเซียน ครองอันดับ 1 ต่อเนื่องมาหลายปี จัดอยู่ในอันดับ 4 ของเอเชีย ส่วนในระดับโลกอยู่อันดับ 8 ของตลาดโลก ซึ่งบริษัทจดทะเบียนจากหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมได้ระดมทุนในตลาดรอง (SO) อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการระดมทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ มูลค่า 11 ล้านล้านบาท ตราสารหนี้ภาคเอกชน มีอยู่เกือบ 4 ล้านล้านบาท และสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ มูลค่า 18 ล้านล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 แหล่งเป็นแหล่งให้ทุนที่สำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ด้านช่องทางการลงทุน ในปี 2563 มีจำนวนบัญชีนักลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 7 แสนบัญชี ส่วนในปี 2564 (3 ไตรมาส) เพิ่มขึ้นมากกว่า 1.4 ล้านบัญชี มีสภาพคล่องสูงที่สุดในอาเซียนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยมากกว่า 95,000 ล้านบาท/วัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 67,000 ล้านบาท/วัน โดยในช่วง 5 ปีนี้ เติบโตขึ้นกว่า 3 เท่า ยิ่งกว่านั้นมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย เชื่อมโยงการลงทุนในตลาดทุนโลก
ดร.ภากร ยังกล่าวถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า โดยมองว่าปีนี้เศรษฐกิจโตแบบ K-Shaped คือ มีบางอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวได้ดีถึงดีมาก เช่น ภาคเทคโนโลยี ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรและอาหาร ขณะที่อีกหลายอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัว เช่น ภาคการเงิน การธนาคาร ประกัน อสังหาริมทรัพย์ ทรัพยากร สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมองว่าสามารถระดมทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้ในปีหน้า เมื่อการท่องเที่ยวเริ่มฟื้น ประชาชนได้รับวัคซีนมากขึ้น โดยจะเป็นการฟื้นตัวในรูปแบบ K-Shaped Recovery
อย่างไรก็ตาม มองว่าปีหน้าการระดมทุนจะปิดกว้างขึ้น เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ จะเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดย SET ได้ร่วมกับพันธมิตร เตรียมความรู้ ความพร้อม จัดหาระบบ Enterprise System และจัดหาโค้ชจากบริษัทใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมาร่วมแบ่งปันแนวทางการบริหารธุรกิจ ที่สำคัญเตรียมเปิดช่องทาง LiVE Platform เพื่อสนับสนนุการเข้าถึงตลาดทุนของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ซึ่งจะเริ่มได้ต้นปีหน้า
รวมทั้งภาคตลาดทุนจะมุ่งเน้นส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน ธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ธุรกิจ BCG หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนไทยเติบโตอย่างเข้มแข็ง และเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนไทย 24 แห่ง ติดอันดับ The Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) มี 40 บริษัท อยู่ใน MSCI ESG Universal Index และมีอีก 40 บริษัท อยู่ใน FTSE4Good Emerging Indexes ทำให้เชื่อว่า นี่เป็นอีกจุดแข็งที่จะสามารถใช้ระดมทุนจากตลาดต่างประเทศได้ ยิ่งกว่านั้นการลงทุนอย่างยั่งยืนกำลังกลายเป็นกระแสหลักในการลงทุนในตลาดทุนโลกและตลาดทุนไทย นักลงทุนต้องการลงทุนในบริษัทที่มีธรรมาภิบาล (ESG) มากขึ้น ปัจจุบันในไทยมีกองทุน CG/ESG มากกว่า 50 กอง มูลค่า 54,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247% จากปี 2560. – สำนักข่าวไทย