กรุงเทพ 11 พ.ย.- สำนักงานเศรษฐกิจการคลังชี้แจงประเด็นข้อเรียกร้องชะลอการเรียกเงินคืน จากกลุ่มผู้ประกอบการโครงการเราชนะ เหตุเพราะทำผิดเงื่อนไข
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีข้อเรียกร้องให้ชะลอการเรียกเงินคืน จากกลุ่มผู้ประกอบการที่ทำผิดเงื่อนไขโครงการ ‘เราชนะ’ หลังจากนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ระบุว่าสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ประกาศระงับสิทธิ์ และเรียกเงินคืนจากผู้ประกอบการ 2,099 ราย เพราะผิดเงื่อนไขในการร่วมโครงการ ‘เราชนะ’ จึงขอเรียกร้องไปยังกระทรวงการคลัง ให้ชะลอการเรียกเงินคืนจากกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าว เพราะรายละเอียดในข้อกล่าวหายังไม่ชัดเจนเพียงพอ มีเพียงการระบุพบลักษณะธุรกรรมผิดเงื่อนไข คือรับสแกนแล้วแลกเป็นเงินสด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีประชาชนไปร้องเรียนว่าถูกกินหัวคิวจากผู้ประกอบการร้านค้า เพราะอาจเต็มใจ ต้องการได้เงินสด นอกจากนี้ ในการเปิดโอกาสให้ร้านค้าแสดงหลักฐานชี้แจง กรรมการผู้ตรวจก็เป็นคนของ สศค. อีกทั้งเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนเข้าร่วมโครงการไม่ได้ชี้นำให้รับรู้หลักเกณฑ์ได้อย่างชัดเจน
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ขอชี้แจงประเด็นข้อเรียกร้องชะลอการเรียกเงินคืน จากกลุ่มผู้ประกอบการทำผิดเงื่อนไขโครงการเราชนะ ดังนี้
โครงการเราชนะ (โครงการฯ) มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้วยการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ระลอกใหม่ โดยในการเข้าร่วมโครงการฯ มีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอม (หลักเกณฑ์ฯ) สำหรับผู้ประกอบการและประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ เผยแพร่หลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าวในเว็บไซต์เราชนะ (www.เราชนะ.com) เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ได้รับทราบและเข้าใจหลักเกณฑ์ฯ ในการเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ความยินยอมปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าวก่อนเข้าร่วมโครงการฯ
เมื่อประชาชนและผู้ประกอบการได้ให้คำยินยอมที่จะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯในขั้นตอนการสมัครแล้ว ประชาชนจะได้รับวงเงินสิทธิช่วยเหลือไม่เกิน 9,000 บาท ตลอดโครงการ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อใช้สิทธิเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการที่มีการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” หรือเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) ของผู้ประกอบการร้านค้าจำนวน 1.3 ล้านราย ซึ่งกระทรวงการคลังจะได้โอนเงินให้ผู้ประกอบการโดยตรงในวันถัดไปตามยอดธุรกรรมการใช้จ่าย
ในการตรวจสอบการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ จากหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และกรมบัญชีกลาง เพื่อตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบและพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ประกอบการกระทำการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าวจริง สามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน จึงได้ออกหนังสือประทับตราแจ้งผู้ประกอบการ 2,099 ราย เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 เมื่อพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์แล้ว กรณีไม่มีการชี้แจงหรือไม่ส่งข้อมูลหลักฐานประกอบการอุทธรณ์ หรือไม่มีการชำระเงินคืนให้แก่โครงการฯ รวมถึงกรณีอุทธรณ์มาแต่คณะทำงานฯ พิจารณาแล้วเห็นว่ายังมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ก็จะมีหนังสือแจ้งผู้ประกอบการอีกครั้ง จึง ขอให้เร่งส่งคำอุทธรณ์หรือข้อมูลหลักฐานชี้แจงให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อนำสู่กระบวนการพิจารณาของคณะทำงานฯ และกระบวนการเรียกร้องตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย
