อีอีซี จับมือ 4 พันธมิตร พัฒนาทักษะบุคลากรด้านดิจิทัล ขับเคลื่อน 5G

กรุงเทพฯ 15 ต.ค.- อีอีซี จับมือ 4 พันธมิตร ซิสโก้ – มาเวเนีย -5จีซีที -แพลนเน็ตคอม พัฒนาทักษะบุคลากรด้านดิจิทัล ขับเคลื่อนเทคโนโลยี 5G สร้างอุตสาหกรรม 4.0 ในพื้นที่อีอีซี ตั้งเป้าสร้างคน ตรงความต้องการอุตสาหกรรมดิจิทัล 40,000 คนภายใน 3 ปี ดึงการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก สร้างแรงงานไทยทักษะสูง รายได้ยั่งยืน


สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี ร่วมกับ บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มาเวนเนีย ซิสเท็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท 5จี แคททะลิซท์ เทคโนโลยีส์ จำกัด  และบริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) ลงนามความร่วมมือ (MOU) “การพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ 5G แก่ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี (5G & Digital Talent Development in EEC)” ผ่านระบบออนไลน์ โดยมี นายไมเคิล ฮีธ อุปทูต รักษาการแทน เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยาน โดย ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ อีอีซี และ ผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานทั้ง 4 แห่งร่วมกันลงนาม ฯ

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า การจัดงานฯ ครั้งนี้ จะช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีด้านการลงทุนระหว่างไทย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สหรัฐ ได้ลงทุนในไทยสูงถึง 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2563 มีการลงทุนตรงกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี ซึ่งทั้ง 2 ประเทศมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ที่จะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือพัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอีอีซี และขับเคลื่อนคู่ไปกับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ตามแผนลงทุนอีอีซี ระยะ 2 ที่จะให้มีมูลค่าการลงทุนรวมไม่น้อยกว่า 2.2 ล้านล้านบาท เน้นการลงทุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมขนส่ง อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล 5G


ทั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือ เพื่อผลักดันส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 5G ต่อเนื่อง จากที่อีอีซีได้ร่วมกับภาคเอกชนทั้ง 4 บริษัทดังกล่าว นำร่องใช้เทคโนโลยี 5G ในเทศบาลตำบลบ้านฉาง สู่ต้นแบบเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ที่ได้เริ่มปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั้งหมด โดยคาดว่าสิ้นปี 2564 จะติดตั้งเสา 5G smart pole แล้วเสร็จรวม 160 ต้น ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่บ้านฉางทั้งหมด นำร่องสู่โรงงานอัจฉริยะ Factory 4.0 ก้าวสู่เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชมบ้านฉางครบมิติ โดยความร่วมมือฯ ครั้งนี้ จะช่วยเชื่อมโยงการพัฒนาทักษะบุคลากร ควบคู่การส่งเสริมประยุกต์ใช้ดิจิทัล และ 5G แก่ภาคอุตสาหกรรม ตั้งเป้าหมายพัฒนาทักษะบุคลากร ทั้งด้านเพิ่มทักษะใหม่ ยกระดับ ปรับทักษะบุคลากร New – Up-Re skill ตามแนวทางสร้างคนให้ตรงกับความต้องการ (Demand Driven) ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 40,000 คน ภายใน 3 ปี เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก ยกระดับรายได้แรงงานไทย ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างสมดุลและยั่งยืน  

นายทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย)  ผู้นำทางด้านไอทีและระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระดับโลก กล่าวว่า ซิสโก้ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างทักษะใหม่ (Reskill) ที่จำเป็นในการทำงาน และการพัฒนาเพื่อยกระดับทักษะเดิม (Upskill) ให้ดีขึ้น โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำงาน และสร้างฐานความรู้ด้านต่างๆ เช่น ระบบเครือข่ายและความปลอดภัยสำหรับอุตสาหกรรมและระบบขนส่งอัจฉริยะ ระบบไร้สายแบบต่างๆสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมและเมืองอัจฉริยะ ระบบศูนย์ข้อมูล ตลอดจนระบบบริหารจัดการเครือข่ายที่ควบรวมทั้ง IP และ 5G ให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นต้น โดยบริษัทฯ พร้อมจะร่วมพัฒนาแรงงานยุคใหม่  (New Workforce) ที่มีศักยภาพสูง พร้อมผลักดันองค์กรธุรกิจให้เติบโต พร้อมรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ

มร.นอร์แมน โดนัลด์ ไพรซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค ธุรกิจเกิดใหม่ และ หน่วยธุรกิจองค์กร บริษัท มาเวนเนีย ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า พื้นที่อีอีซี ถือเป็นประตูสู่เศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นที่ตั้งของบุคลากรที่สำคัญ และมีความหลากหลายครบวงจร มีสภาพแวดล้อมที่มีการพัฒนาต่อเนื่องและดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทมาเวเนียฯ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างเครือข่ายแห่งอนาคต ด้วยซอฟต์แวร์คลาวด์เนทีฟ ระบบคลาวด์ที่ทำงานบนคลาวด์ใดๆ และเปลี่ยนแปลงวิธีการเชื่อมต่อสื่อสารในโลกปัจจุบัน การลงนาม MOU ครั้งนี้ ถือเป็นความมุ่งมั่นการขับเคลื่อนในระดับในภูมิภาคนี้ ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างแรงงานให้มีด้วยทักษะที่จำเป็น และแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของเทคโนโลยี 5G ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน


นางสาวชาริณี กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท 5จี แคททะลิซท์ เทคโนโลยีส์ จำกัด กล่าวว่า ความท้าทายระดับโลกและวิกฤตโควิด-19 ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของ Digital Transformation ที่มีต่อทุกธุรกิจ และความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของแรงงานให้พร้อมปรับตัว เพื่อใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทฯ ในฐานะของตัวแทนบริษัทขนาดย่อมและสตาร์ทอัพ จะทำหน้าที่เป็นสะพานในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ปรับใช้กับธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างไร้รอยต่อ บริษัทฯ จะให้ความสำคัญต่อการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ประกอบการ ธุรกิจสตาร์ทอัพ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อพัฒนาทักษะการทำงานใหม่ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลบนโครงข่าย 5G ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ที่ทำให้เทคโนโลยีหลากรูปแบบทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และส่งต่อประโยชน์ทางอาชีพและเศรษฐกิจ ไปถึงประชาชนแบบยั่งยืน ทั้งนี้ ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เน้นสร้างฐานความรู้และแพลตฟอร์มสำหรับ Smart City Data Platform และ IOT Platform ซึ่งมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนด้านการศึกษาในพื้นที่อีอีซี และช่วยให้ EEC HDC ได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักมากขึ้น และเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ ด้านเทคโนโลยี และการลงทุนในพื้นที่อีอีซี เพื่อยกระดับการฝึกอบรมเพิ่มทักษะบุคลากร ด้วยหลักสูตรมาตรฐานสากลรองรับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกผลักดันให้ไทยก้าวสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิทัลอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียน -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” และคนขับกระบะเข้าให้การ

กทม. 4 ส.ค.-ตำรวจเตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” มาให้การอย่างละเอียด รวมถึงคนขับกระบะ ด้านผู้ก่อเหตุ สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่าคดี “เป๊ก ผลิตโชค” ถูกฟันบริเวณคาง ภายในปั๊มน้ำมัน คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควรแล้ว ยังเหลือเรื่องของคำให้การของพยาน โดยหลังจากนี้จะเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” ในฐานะผู้ถูกกระทำมาให้การอย่างละเอียด รวมถึงจะเชิญคนขับรถกระบะที่ “เป๊ก” ปีนขึ้นไป ตอนนี้พนักงานสอบสวนพยายามติดต่ออยู่ และพยานต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเรียกมาให้การเพิ่มเติมด้วย ส่วนนายชุติเทพ ที่เป็นผู้ก่อเหตุได้ทำการสอบปากคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของ “เป๊ก” นั้น ก็เป็นในส่วนของแพทย์.-419.-สำนักข่าวไทย

ปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้า

4 ส.ค. – สมาคมดาราศาสตร์ไทยแจงปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้าหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 00.00 น. (วันที่ 4 ส.ค.) สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้แจ้งว่า เกิดลูกไฟขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นปรากฏบนท้องฟ้าเหนือหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จากตรวจสอบน่าจะเป็น ดาวตกชนิดลูกไฟ (meteoroid) โดยลักษณะที่ปรากฏเป็นแสงสีเขียว อาจบ่งบอกถึงองค์ประกอบของธาตุนิกเกิล โดยทั่วไปแล้ว ดาวตก (Meteor) เกิดขึ้นเมื่อวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กเคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกและเสียดสีกับอากาศที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร ทำให้เกิดแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่เท่าใด ปริมาณความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากตามไปด้วย จากภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ดาวตกในครั้งนี้มีขนาดใหญ่และมีความสว่างมากเป็นพิเศษ ความสว่างของมันใกล้เคียงกับดาวศุกร์ ทำให้ถูกจัดเป็นดาวตกชนิด #ลูกไฟ (Fireball) อย่างชัดเจน ส่วนการปรากฏของแสงสีเขียว สามารถตีความได้ว่าดาวตกนี้มีส่วนประกอบของธาตุโลหะอย่างนิกเกิล.-สำนักข่าวไทย

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย