กรุงเทพฯ 12 ต.ค.-เอกชนประสานเสียงสนับสนุนเปิดประเทศ 1 พ.ย. ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้น
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า การเปิดประเทศตามนโยบายนายกรัฐมนตรี วันที่ 1 พ.ย.นี้ คาดว่าจะส่งผลให้การใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง ปตท.สผ. ก็มีความพร้อมที่จะจัดหาพลังงาน รองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ส่วนแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ขณะนี้สูงกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เชื่อว่าระยะยาวราคาจะปรับลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ โดยหลายฝ่ายประเมินว่า ราคาที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 65-75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ที่ปรับขึ้นแรงในขณะนี้ก็เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันค่อนข้างผันผวนตามความต้องการใช้และกำลังการผลิต ทั้งจากผลกระทบโควิด-19 และด้านนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งมองว่าระยะยาว 4-5 ปี จะมีเสถียรภาพมากขึ้น
ส่วนการเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ให้กับประชาชนทั่วไปผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” คาดหวังว่าจะได้รับเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ราว 5,000 ล้านบาท การระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ชำระคืนเงินกู้หรือหนี้จากการออกตราสารหนี้ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานในธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ภายใต้แนวคิด FROM “WE” to “WORLD” คือการสร้าง ปตท.สผ. ให้เป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน และส่งต่อความยั่งยืนนั้นไปยังชุมชน สังคม ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยปัจจุบันบริษัทลงทุนอยู่ 15 ประเทศ จำนวน 40 โครงการ และวางแผนดำเนินธุรกิจใน 3 แนวทางหลัก ประกอบด้วย
1. การสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของ ปตท.สผ. โดยมุ่งเน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ภูมิภาคตะวันออกกลาง และตอบสนองความต้องการด้านพลังงานในประเทศไทย
2. มองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงก้าวสู่ธุรกิจพลังงานในเรื่องของ Gas to Power ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. เพื่อให้บริการด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์สำหรับสนับสนุนกิจกรรมการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม
3. การให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage หรือ CCUS) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นการสร้างพลังงานในรูปแบบใหม่
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การเปิดประเทศเป็นสิ่งที่ดี และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ คือ ระบบเศรษฐกิจของประเทศต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ภาคเอกชนและภาคประชาชนได้รับความมั่นใจ อีกทั้งการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ยกระดับการเติบโตของเศรษฐกิจในขาลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ไม่ติดลบแล้ว ซึ่งการเปิดประเทศ และมาตรการต่างๆ ของรัฐ ดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม ก็จะเป็นพลังเริ่มต้นขับเคลื่อนเข้าสู่ปี 2565 ให้เศรษฐกิจมีพลังในการเติบโตได้
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลได้เพิ่มเพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปถึงระดับ 70% ของจีดีพี เรียกว่า ทรัพยากรของประเทศก็มีความพร้อมที่จะมาสร้าง synergy เร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี.-สำนักข่าวไทย