กรุงเทพฯ 11 ต.ค.- AWC ประกาศขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเศรษฐกิจไทย หลังผ่านสถานการณ์โควิด-19 ระบุจับตาการผ่อนคลายมาตรการกักตัว 14 วัน ซึ่งในระยะสั้น จะเป็นหัวใจสำคัญมาตรการที่ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยได้เร็ว และหลากหลายกลุ่ม ส่วนภาคการลงทุน พร้อมเดินหน้าลงทุน 3 โครงการใหญ่ ภาย ใน 5 ปีข้างหน้า จับตาโปรเจคเวิ้งนครเขษม ทุ่มลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่าภายหลังไทยก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ AWC ยังคงเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ โดยพร้อมร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ร่วมพัฒนาธุรกิจ เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจโดยรวม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สร้างให้ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวระดับโลกในอนาคต
“ทั้งนี้ การกลับมาของภาคการท่องเที่ยว หากสามารถเปิดประเทศได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สิ่งสำคัญคือต้องมีมาตรการช่วยให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สามารถเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยให้ได้ แน่นอนส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับการผ่อนคลายมาตรการกักตัว ( Quarantine )14 วัน หากไม่มีมาตรการกักตัวแล้ว เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่มเดินทางเข้ามาไทย ที่ผ่านมาเห็นตัวอย่างจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ซึ่งมากกว่า 50% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามา จะมาเพื่อใช้เวลากักตัว 14 วันที่ภูเก็ต ก่อนจะเดินทางไปกรุงเทพ หรือจุดหมายอื่น โดยในส่วนของที่ภูเก็ตใช้เวลากว่า 30 วัน จึงสามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวสนใจตอบรับเดินทางมาได้ โดยในส่วนของประเทศไทยภาพรวมคาดว่าจะมีช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยว กลับเข้ามาแบบน่าตื่นเต้นในช่วงปลายปีหน้า “นางวัลลภา กล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจของ AWC จากนี้ บริษัทยังเดินหน้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ รวมถึงโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed and Merged) ที่ไม่ได้มีการแยกโรงแรม ค้าปลีก หรือตึกสำนักงาน ออฟฟิศอย่างชัดเจน ตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์พฤติกรรม ผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาบริษัทจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน AWC Connext ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายและใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัดผ่านโปรแกรม AWC Infinite Lifestyle ที่สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ทั้งนี้ ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของ AWC มีครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย โรงแรม 18 แห่ง, รีเทล 8 แห่ง, อาคารสำนักงาน 4 แห่ง, ค้าส่ง 2 แห่ง รวม 32 แห่ง และขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่อีก 18 โครงการ ซึ่งจะทำให้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในพอร์ตโพลิโอ ของ AWC จะมีจำนวนอสังหาริมทรัพย์รวม 50 แห่งในหลากหลายทำเลสำคัญของประเทศ และในอีก 5 ปีข้างหน้า AWC ยังมีอีก 3 โปรเจคแลนด์มาร์ค ซึ่งจะสร้างปรากฏการณ์ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โครงการแรก ASIATIQUE THE RIVERFRONT DESTINATION ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเป็นแลนด์มาร์กระดับไอคอน (Iconic Landmark) แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่มีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม ประกอบด้วย โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ, โรงแรมเจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ รวมถึง ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ แบรนเด็ด เรสซิเดนส์ ซึ่งเป็นเซอร์วิส เรสซิเดนส์ โดยมีแผนเปิดให้บริการเริ่มจากเปิดโซนค้าปลีกและสำนักงานในปี 2567
โครงการที่ 2 AQUATIQUE DISTRICT PATTAYA โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองพัทยา ประกอบด้วยแหล่งชอปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว โรงแรมหรู 5 แบรนด์ และแบรนเด็ด เรสซิเดนส์อีก 2 แบรนด์ และพื้นที่ค้าปลีก โครงการที่ 3 เวิ้งนครเขษม ซึ่งพัฒนาให้เป็นโครงการพิเศษแบบ Mixed Development ทั้งโรงแรม ที่อยู่อาศัย และค้าปลีกด้วยการลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท โดยดึงเสน่ห์และอนุรักษ์ความเป็นไชน่า ทาวน์ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับร้านค้าปลีกใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เส้นทางมรดก มรดกทางประวัติศาสตร์ และถนนแห่งความบันเทิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ AWC เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครบ 2 ปี เมื่อ 10 ตุลาคม 2562 ด้วยขนาด IPO ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยมูลค่า IPO185,742 ล้านบาท สูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ทั้งยังเป็น IPO ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 5 ปี ด้วย.-สำนักข่าวไทย