กรุงเทพฯ 21 ก.ย. – “ภาสกร ลินมณีโชติ” กก.ผจก.บล.กสิกรไทย เชื่อปัญหาหนี้ “Evergrande” จะไม่รุนแรงเท่า “Lehman Brothers” แม้กระทบตลาดหุ้นโลก-ไทย เป็นการวิตกชั่วคราว จับตาทางการจีนจะออกมาตรการช่วยเหลือใด ชี้ปัญหาหลักคือตราสารหนี้ 20%
นายภาสกร ลินมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการนาทีลงทุน ทางช่อง 9 MCOT HD วิเคราะห์กรณีบริษัท Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีน ที่มีหนี้สินกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 2% ของGDP ของจีน และ ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ว่าสถานการณ์ไม่น่าจะรุนแรงเหมือนกรณี Lehman Brothers วาณิชธนกิจระดับโลก ที่เป็นชนวนของ Global Crisis ในปี 2550 ก่อนที่บริษัทจะประกาศล้มละลายเมื่อปี 2551 ขณะที่ผู้ลุงทุนและเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ของ Evergrande เป็นสถาบันในประเทศ
“การที่ตลาดหุ้นทั่วโลกวิตก เนื่องจากบริษัทนี้มีขนาดใหญ่มาก สินทรัพย์รวมเกือบ 2 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 10 ล้านล้านบาท) มีพนักงานกว่า 1 แสนคน. มีการจ้างงานในระบบเป็นจำนวนมาก น่าจะส่งผลต่อต่อภาพรวมการเติบโตของจีนที่อาจชะลอตัวลง และอาจกระทบุต่ออุตสาหกรรมโภคภัณฑ์ ซึ่งจากหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในจีน และจีนกำลังทยอยแก้ปัญหา ดังนั้น เรื่องนี้ ก็จะกระทบต่อตลาดหุ้นเป็นการชั่วคราว” นายภาสกรกล่าว
กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย มองว่าปัญหาของ Evergrande ไม่เกินความคาดหมาย เนื่องจากมีปัญหามาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ทั้งระดับหนี้สินต่อทุน กับกู้ยืมเงินของธนาคาร และระดับสินทรัพย์สภาพคล่อง ซึ่งทางการจีนได้มีมาตรการเข้าไปดูแล ซึ่งขณะนี้ตลาดจับตามองว่าทางการจีนจะช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์นี้อย่างไร ส่วนตัวเห็นว่าปัญหาหลักของ Evergrande อยู่ที่ตราสารหนี้ พันธบัตร ที่มีอยู่ร้อยละ 20 ของเงินกู้ทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 80 เป็นเงินกู้ธนาคาร น่าจะแก้ได้ง่ายกว่า ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งทางการจีนมีอิทธิพลสูงกับธนาคารในประเทศ.-สำนักข่าวไทย