กรุงเทพฯ 2 ก.ค. – หุ้น AMR เปิดเทรดวันแรกที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท (+18.84%) จากราคาขาย IPO ที่ 6.90 บาท/หุ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เอเอ็มอาร์ เอเซีย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “AMR” ในวันที่ 2 สิงหาคม 2564
AMR เป็นผู้ให้บริการออกแบบระบบงานวิศวกรรมและเชื่อมต่อระบบไอทีโซลูชั่น (System Integration: SI) รวมถึงงานให้บริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุง และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอทีโซลูชั่นมายาวนานกว่า 20 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญด้านระบบการเดินรถและขนส่งมวลชนสมัยใหม่ ในปี 2559 ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของ AMR ที่เป็นบริษัทสัญชาติไทยบริษัทแรกที่ได้ออกแบบติดตั้งและบริหารงานระบบรถไฟฟ้าทั้งหมดแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project) ให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีกรุงธนบุรี-สถานีคลองสาน ระยะที่ 1 นอกจากนี้ยังได้รับงานระบบเดินรถไฟฟ้าของโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ณ 31 มีนาคม 2564 มีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) ประมาณ 1,450 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ตามลำดับ และมีโอกาสเติบโตตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศของภาครัฐ และการขยายการลงทุนของภาคเอกชนในหลากหลายอุตสาหกรรม
นายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR กล่าวว่า รู้สึกขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับอย่างอบอุ่น พร้อมย้ำจุดเด่นของ AMR คือ ทีมงานวิศวกรที่เป็นคนไทย มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานออกแบบและติดตั้งระบบ (SI) แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นระบบคอมพิวเตอร์ สื่อสาร และไฟฟ้า
สำหรับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานใหม่ ๆ ที่มีมูลค่ามากขึ้น และเป็นการเตรียมพร้อมรองรับการขยายการลงทุนเมกะโปรเจคของรัฐบาล โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบคมนาคมขนส่ง และเกี่ยวข้องกับงานด้านไอทีโซลูชั่น โดยเงินที่ได้จากการลงทุนในครั้งนี้ เตรียมนำไปใช้ใน 3 ส่วนด้วยกันคือประมาณ 85% จะไปลงทุนเกี่ยวกับงานด้านการบริการ เพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) โดยอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนระบบรางสายรอง (Feeder Line) ธุรกิจ EV Charging Station และ Smart City ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และใช้สำหรับการวิจัยและพัฒนาด้านการให้บริการและต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ส่วนเป้าหมายการเติบโตในแง่ของรายได้และกำไรในปี 2564 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 1/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 263% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8 ล้านบาท ขณะที่รายได้ไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 301 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ คาดจะสามารถจ่ายปันผลได้ในครึ่งปีหลัง 2564 หรือต้นปี 2565 ด้านเป้ารายได้ใน 2-3 ปีจากนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ดีไปกับเม็ดเงินลงทุนระบบรางมหาศาลของภาครัฐ รวมถึงงานไอซีทีเป้าหมายที่เป็นพื้นฐานระบบ Smart Cities
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในระยะสั้น 1 – 2 เดือนเท่านั้น เพราะโปรเจคส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นระยะยาว 1 – 5 ปี บางพื้นที่อาจจะต้องหยุดการดำเนินงาน แต่บริษัทเชื่อว่าจะควบคุมและเดินหน้างานได้ตามแผนที่วางไว้ . – สำนักข่าวไทย