กรุงเทพฯ30 ก.ค.-ไทยออยล์ รุกธุรกิจโอเลฟินส์อินโดนีเซียเพื่อรับวัตถุดิบจากCFP ทุ่ม1,183 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯถือหุ้นCAPสัดส่วนร้อยละ 15.38 เพิ่มทุน10,000 ล้านบาท.ขายหุ้นGPSC ให้ปตท.พร้อมกู้เงินระยะสั้นมาดำเนินการ
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้าร่วมลงทุน ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (“CAP”) ประเทศอินโดนีเซียผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ PT TOP Investment Indonesia โดยเข้าถือหุ้น CAP ที่สัดส่วนร้อยละ 15.38 ใช้เงินลงทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 1,183 ล้านดอลลารร์สหรัฐฯ หรือ 39,116ล้านบาท เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ โดย CAP มีแผนขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2( CAP2)ปัจจุบัน CAP เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำรายใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงงานแยกแนฟทา (Naphtha Cracker) เพียงแห่งเดียวของประเทศ มีกำลังการผลิตเอทิลีน (ethylene) ประมาณ 900,000 เมตริกตันต่อปี และพอลิโอเลฟินส์ (Polyolefins) ที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตสไตรีนโมโนเมอร์ (SM) และบิวทาไดอีน (BD) และจะดำเนินการขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2(CAP2) ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวหรือ2ล้านตันกำหนดแล้วเสร็จในปี2569
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของไทยออยล์ในการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ จากเดิมที่มีธุรกิจสายอะโรเมติกส์อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างธุรกิจของไทยออยล์มีความสมบูรณ์ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร และCAP2สามารถรองรับแนฟทาและแอลพีจีจากโครงการCFPของไทยออยล์ที่กำลังลงทุนราว5,000ล้านเหรียญสหรัฐขยายกำลังกลั่นจาก2.75แสนเป็น4แสนบาร์เรลต่อวัน.โดยยอมรับว่าผลกระทบจากโควิด-19 กระทบงานCFPทำให้สร้างได้ต่ำกว่าแผนแต่จะพยายามเร่งให้แล้วเสร็จในปี2566 ซึ่งจากการร่วมทุนกับอินโดนีเซียครั้งนี้ก็ทำให้ไทนออยล์ไม่ต้องลงทุนสร้างโอเลฟินส์เองแต่อย่างใดและคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เบื้องต้น40-50ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี.โดย.CAPมีการประกาศผลกำไรครึ่งแรกปี64ที่ราว165ล้านดอลลาร์สหรัฐ
” การร่วมทุนเกิดประโยชน์หลายด้าน ทั้งการได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท CAP และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต การร่วมลงทุนใน CAP ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำทำไทยออยล์สามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ได้อย่างรวดเร็วและทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความสมบูรณ์ ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี “นายวิรัตน์กล่าว
ไทยออยล์ได้ทำสัญญาเพื่อส่งผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นทั้งแนฟทาและแอลพีจี1ล้านตัน/ปีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับ CAP และ ทำสัญญาเพื่อจำหน่ายพอลิเมอร์เรซิน (Polymer Resin) และผลิตภัณฑ์ในรูปของเหลวอื่นๆ ของ CAP อีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการและการดำเนินการต่างๆ ในการเข้าร่วมลงทุนใน CAP จะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564
สำหรับการจ่ายเงินแก่CAPจะแบ่งเป็น2ครั้งได้แก่รอบแรก.ในเดือนกันยายน 64 วงเงิน 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ วงเงินส่วนนี้จะมาจากการกู้เงินระยะสั้น18เดือนอัตราดอกเบี้ยร้อยละ2.4ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเงินกู้จากปตท.ที่เหลือมาจากสถาบันการเงิน.ส่วนรอบที่2จ่ายเงินกลางปี2565ราว 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการเงินเข้าลงทุนนั้น.. ทางบมจ.ปตท.จะสนับสนุนทั้งเงินกู้ระยะสั้นและการเสริมสภาพคล่องโดยยืดระยะเวลาจ่ายหนี้น้ำมันจาก30วันเป็น90วันหรือเทียบเท่า3หมื่นล้านบาท.พร้อมทั้งไทยออยล์จะขายหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)หรือจีพีเอสซีประมาณร้อยละ10.8ให้ปตท.เป็นวงเงินราว 20,000 ล้านบาทและไทยออยล์จะเพิ่มทุนอีก10,000 ล้านบาทกระบวนการทั้งหมดก็จะเสร็จสิ้นภายในกลางปีหน้าโดยท้ายสุดแล้วไทยออยล์จะคงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับที่เหมาะสมที่1ต่อ1ได้และภาพรวมทั้งหมดก็ไม่ต้องขอเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นอีกแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย