เร่งกำจัดสารเคมีตกค้างของโรงงานหมิงตี้

กรุงเทพฯ 9 ก.ค. – อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ระบุจะเร่งเคลื่อนย้ายสารเคมีตกค้างที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ฯ ในส่วนที่แน่ใจว่าปลอดภัยแน่นอนแล้ว รวมทั้งให้ผู้บริหารโรงงานประสานบริษัทกำจัดสารพิษมาสูบน้ำหล่อเย็น ซึ่งมีสารเคมีปนเปื้อนไปกำจัดด้วย


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ คพ. และกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ยังร่วมกันเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยตรวจสอบความเข้มข้นของสารสไตรีนและฟอร์มาลดีไฮด์ที่ตกค้าง มีผู้เชี่ยวชาญด้านสารเคมีร่วมกันประเมินและวางแนวทางควบคุม เพื่อไม่ให้เกิดการลุกไหม้จากสารเคมีอีก ล่าสุดแยกการจัดการออกเป็น 2 ส่วน คือ การจัดการสารเคมีที่ตกค้างในที่เกิดเหตุและบริเวณโดยรอบ ซึ่งจะใช้สาร DEHA ปรับสภาพเพื่อให้ติดไฟยาก ทั้งนี้ กำลังพิจารณาเคลื่อนย้ายสารสไตรีนที่ตกค้างอยู่บริเวณโรงงาน ทั้งในถังเก็บและท่อต่างๆ หากพบว่าปรับสภาพจากการฉีดพ่น DEHA แล้ว จะเคลื่อนย้ายออกเพื่อไปกำจัดให้ถูกต้องตามหลักวิชาการเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ได้ประสานให้ผู้บริหารโรงงานหมิงตี้ฯ แจ้งบริษัทกำจัดสารพิษนำรถมาสูบน้ำที่ใช้หล่อเย็นถังสไตรีน ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนไปกำจัด ซึ่งผู้ประกอบการจะกำจัดได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ส่วนน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ โดยรอบ เจ้าหน้าที่ คพ. ตรวจวัดแล้ว ค่าความเข้มข้นไม่เกินมาตรฐาน โดยอาจฉาบอยู่บริเวณผิวน้ำบ้าง แต่จะระเหยออกไปจนหมด


สำหรับผลตรวจสอบไอระเหยสารเคมีในบรรยากาศบริเวณพื้นที่โรงงานหมิงตี้ฯ และพื้นที่ชุมชนโดยรอบ พบว่า พื้นที่โรงงาน ตรวจพบสไตรีน 17.4-435 ppm ซึ่งสูงเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยสำหรับคนงาน (ไม่ควรเกิน 100 ppm) ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โรงงานที่เกิดเพลิงไหม้ ควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันไอระเหยสารเคมีที่เหมาะสม สำหรับชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงงาน มีการตรวจสอบ 3 ระยะ คือ 500 เมตร 1,000 เมตร และ 2,000 เมตร รวมทั้งสิ้น 24 จุด ส่วนใหญ่ตรวจไม่พบสไตรีน และบริเวณที่ตรวจพบสไตรีนเป็นด้านท้ายลม ในปริมาณ 0.33-1.06 ppm ซึ่งอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อประชาชน (ไม่ควรเกิน 20 ppm) แต่ยังคงเฝ้าระวังในพื้นที่โรงงานและชุมชนในรัศมี 2 กิโลเมตร ต่อไปอีก

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า วันนี้ได้นำนวัตกรรมเอนไซม์จุลินทรีย์ฉีดพ่นเพื่อดับกลิ่นเพลิงไหม้และกลิ่นสารเคมี โดยบริษัท KO Health นำมาสนับสนุนภารกิจ โดยใช้เอนไซม์จุลินทรีย์ผสมในน้ำฉีดพ่นบริเวณที่น้ำท่วมขัง จุลินทรีย์ดังกล่าวรับรองโดยองค์การอนามัยโลก มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ พืช และสัตว์ โดยหลังจากฉีดพ่นจุลินทรีย์ดังกล่าว ทำให้กลิ่นสารเคมีและกลิ่นสารพิษต่างๆ มีกลิ่นลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งน้ำที่ท่วมขังจากเดิมที่มีสีคล้ำ กลับใสขึ้นด้วย

ส่วนการให้ประชาชนซึ่งอยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตร จากจุดเกิดเหตุ คือ ถนนกิ่งแก้ว ด้านทิศตะวันตก ตั้งแต่ซอย 19-25 กลับเข้าที่พักอาศัยนั้น ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุม จนกว่าจะพิจารณาว่าปลอดภัยแน่นอนแล้ว จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศของจังหวัดเป็นระยะๆ


นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษ ยังเผยแพร่ข้อมูลสไตรีน สำหรับประชาชน โดยระบุว่า สไตรีนเป็นสารอินทรีย์ระเหยได้ มีลักษณะเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี กลิ่นหอมหวาน เมื่อได้รับความร้อนที่อุณหภูมิมากกว่า 31 องศาเซลเซียส จะระเหยกลายเป็นไอ แล้วจะลอยตัวอยู่ใกล้พื้น เพราะหนักกว่าอากาศ

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก แนะนำว่า ค่าความเข้มข้นที่ประชาชนสัมผัสได้ โดยไม่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ (World Health Organization Guideline) คือ ระยะเวลาเฉลี่ย 1 สัปดาห์ ในระดับ 0.26 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร (0.0598 ppm) ส่วนค่าความเข้มข้นที่คนงานในสถานประกอบการสัมผัสได้ โดยไม่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ คือ ระยะเวลา 15 นาที ต่อ 100 ppm และระยะเวลา 10 ชั่วโมง ต่อ 50 ppm. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมนครศรีฯ

น้ำท่วมนครศรีธรรมราช เริ่มคลี่คลาย

สถานการณ์น้ำท่วม จ.นครศรีธรรมราช เริ่มคลี่คลาย ไม่มีฝนตกลงมาเติม ทำให้ระดับน้ำลดลงในหลายจุด ถนนสายหลักกลับมาเปิดให้รถสัญจรได้แล้ว

ตร.ค้นบ้านหรูย่านราชพฤกษ์ เปิดบริษัท เบื้องหลังฟอกเงินเว็บพนัน

ตำรวจไซเบอร์เข้าค้นบ้านพักหรูย่านราชพฤกษ์ พบมีการเปิดเป็นบริษัทอำพราง เบื้องหลังใช้ฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ ลมแรง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง โดยภาคอีสานและภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็นในตอนเช้า กทม.-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ

ชุมชนเทือกเขาหลวงเสียหายหนัก วอนเร่งช่วยด่วน

หลายพื้นที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังคงเดือดร้อนจากอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยเฉพาะชุมชนบริเวณเทือกเขาหลวง เสียหายหนักจากน้ำป่า ชาวบ้านวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยด่วน

ขวัญใจสวนเสือพัทยา “สุดเขต” ลูกเสือโคร่งสีทองหน้าแบ๊ว

น้องสุดเขต เสือโคร่งสีทองหนึ่งเดียวในภาคตะวันออก กลายเป็นขวัญใจดวงใหม่ “หน้าแบ๊ว ขี้เล่น” อายุเพียง 11 เดือน