SME D Bank ชูธงเติมทุน เติมความรู้ เคียงคู่เอสเอ็มอีสู้ภัยโควิด

กรุงเทพฯ 29 มิ.ย. – SME D Bank ชูธงเติมทุน เติมความรู้ เคียงคู่เอสเอ็มอีไทยสู้ภัยโควิด เตรียมวงเงิน 75,000 ล้านบาท อัดฉีดเสริมสภาพคล่อง พร้อมรับเปิดประเทศฟื้นธุรกิจช่วงปลายปี


น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ธนาคารตระหนักดีถึงความเดือดร้อนที่เอสเอ็มอีได้รับ จึงดำเนินมาตรการเชิงรุกช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดช่วยเหลือโดยเติมทุนควบคู่กับเติมความรู้ เพื่อให้เอสเอ็มอีมีเงินทุนไปเสริมสภาพคล่องประคับประคองธุรกิจ ขณะเดียวกันยังเป็นการวางรากฐานให้สามารถปรับตัวเข้าสู่โลกธุรกิจยุค New Normal

ทั้งนี้ การช่วยเหลือแบ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน ประกอบด้วย “มาตรการพักชำระหนี้” ให้แก่ลูกค้าของสินเชื่อธนาคาร และสินเชื่อกองทุนประชารัฐ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเริ่มให้สิทธิ์พักชำระหนี้ตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา และได้ขยายต่อเนื่อง จนปัจจุบันให้สิทธิ์พักชำระหนี้ไปได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยนับถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ารับมาตรการพักชำระหนี้แล้ว แบ่งเป็นลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร ประมาณ 42,000 ราย วงเงินประมาณ 60,000 ล้านบาท และลูกค้ากองทุนประชารัฐ ประมาณ 3,300 ราย วงเงินประมาณ 6,400 ล้านบาท


“มาตรการเติมทุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ” เพื่อช่วยให้เอสเอ็มอี มีเงินทุนไปใช้เสริมสภาพคล่อง รักษาการจ้างงาน ผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษต่างๆ เช่น สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash มุ่งเป้าหมายกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องที่ได้ผลกระทบจากโควิด-19 เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ กู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาท/ราย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปีใน 2 ปีแรก ผ่อนนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ที่สำคัญไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน มุ่งช่วยเหลือเอสเอ็มอีในท้องถิ่น เช่น กลุ่มเกษตรแปรรูป ท่องเที่ยวชุมชน ฯลฯ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.875%ต่อปี นาน 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท และสินเชื่อฟื้นฟู ตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ในช่วง 6 เดือนแรก ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน เป็นต้น โดยนับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 นี้ ธนาคารสนับสนุนสินเชื่อให้เอสเอ็มอีไปแล้วกว่า 23,000 ราย อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการอนุมัติสินเชื่อกว่า 60,000 ล้านบาท

และ “มาตรการเสริมแกร่ง” เพิ่มศักยภาพให้เอสเอ็มอีปรับตัวสู่ยุค New Normal เช่น หลักสูตรห้องเรียนออนไลน์ ให้ผู้ประกอบการเข้าไปเรียนรู้พัฒนาศักยภาพตัวเองที่เว็บไซต์ wdev.smebank.co.th โดยมี 6 หมวดหลัก : การตลาด, การบริหาร, มาตรฐานการผลิต, บัญชีและการเงิน, เทคโนโลยี-นวัตรรม และพัฒนาเข้าถึงแหล่งทุน เนื้อหากว่า 150 Content ขณะนี้มีผู้เข้าใช้บริการแล้วกว่า 21,000 ราย จัดกิจกรรมสัมมนาเติมความรู้ออนไลน์และออฟไลน์ต่อเนื่อง และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับ “โลตัส” เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน 2564 เปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีนำเสนอสินค้าต่อทีมจัดซื้อ “โลตัส” โดยตรง หากได้รับคัดเลือกจะได้สิทธิวางขายสินค้าผ่านโลตัส ทั้งสาขาทั่วประเทศและออนไลน์ ขณะนี้จัดมาแล้ว 2 ครั้ง คือเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน 2564 มีเอสเอ็มอีได้นำเสนอสินค้าไปแล้วกว่า 160 ราย

น.ส.นารถนารี กล่าวต่อว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย รวมถึงธนาคารมีนโยบายมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ และขานรับนโยบายของรัฐบาลที่เตรียมจะเปิดประเทศในช่วงปลายปี 2564 ธนาคารจึงได้จัดเตรียมวงเงินไว้กว่า 75,000 ล้านบาท พร้อมสนับสนุนเติมทุนเสริมสภาพคล่องและเตรียมพร้อมการฟื้นฟูธุรกิจให้เอสเอ็มอีในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ผ่านมาตรการเติมทุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษข้างต้น เช่น สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash, สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน และสินเชื่อฟื้นฟู เป็นต้น อีกทั้งเสริมด้วยมาตรการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องเพิ่มเติม รองรับกรณีที่เอสเอ็มอีต้องการวงเงินสูงขึ้นถึง 15 ล้านบาท/ราย ได้แก่ “สินเชื่อ SMEs D เติมทุน” วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท รับ Re-finance ลดต้นทุนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี “สินเชื่อ SMEs มีสุข” วงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนปรับปรุงกิจการ หรือปรับเปลี่ยนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5% ต่อปี และ “สินเชื่อ SMEs ยิ้มได้” วงเงิน 5,000 ล้านบาท ช่วยเติมทุนหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี


นอกจากนั้น ยังมีมาตรการทางการเงินลดภาระหนี้ เช่น โครงการ “พักทรัพย์ พักหนี้” รับโอนทรัพย์ ช่วยหยุดภาระการชำระหนี้ ให้สิทธิ์ซื้อคืนในอนาคตโดยไม่ถูกกดราคา และ “รับโอนทรัพย์ ชำระหนี้” กับ “Hair Cut หนี้” เปิดรับกลุ่มที่ไม่สามารถเข้ามาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ เป็นต้น. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]