ปตท.มั่นใจปีนี้มีกำไรสตอกน้ำมัน

กรุงเทพฯ23 ก.พ. – ปตท.เชื่อมั่นปีนี้ มีกำไรสตอกน้ำมัน  จากปี 63 ทั้งกลุ่มขาดทุนสตอกรวม 1.9 หมื่นล้านบาท คาดกรอบราคาน้ำมันดูไบ 55-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ตั้งงบทั้งกลุ่ม 1.6  ล้านล้านบาท  ขยายธุรกิจตามแผน 5 ปี  ร่วมมือกองทัพบกลุย”เมกะโซลาร์ฟาร์ม ” เชื่อ Gas to Power ในเมียนมาเดินหน้าได้  


           นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันดิบขณะนี้จะอยู่ที่ประมาณ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ ปตท.ยังไม่ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบทั้งปีที่ 55-60 ดอลลาร์/ บาร์เรล  ซึ่งราคาที่สูงขึ้นก็เป็นผลดีต่อผลดำเนินการของกลุ่ม ปตท. และคาดว่า หากราคาไม่ผันผวนมากปีนี้  ปตท.จะมีกำไรสตอกน้ำมัน เพราะปี 63 ราคาดูไบเฉลี่ยที่ 42.2 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยทั้ง กลุ่ม ขาดทุนสตอกปี63รวม 1.9 หมื่นล้านบาท เป็นส่วนของ ปตท. ประมาณ 9.2 พันล้านบาท

          สำหรับผลการดำเนินงานของปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 225,672 ล้านบาท ลดลง 63,300 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.9 มีกำไรสุทธิจำนวน 37,766 ล้านบาท ลดลง 55,185 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.4 จากปี 2562 ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจให้ยังคงมีความเข้มแข็ง เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน  แม้ว่าจะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19  ซึ่งจากพอร์ต ปตท.ที่แข็งแกร่งมีหลายผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ขั้นต้น กลาง ปลาย ประกอบกับความร่วมมือกันบริหารงานทั้งกลุ่ม ก็ทำให้ ปตท.ได้รับผลกระทบต่ำ ในขณะที่ บริษัทพลังขนาดใหญ่ในโลกได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน เช่น  เอ็กซอน ขาดทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เชฟรอน ขาดทุน 5,500 ล้านดอลลาร์ เป็นต้น


         คณะกรรมการ ปตท. มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินปันผล ปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และ 6 เดือนหลัง  อีก 0.82 บาท ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้ให้รัฐ ทั้งในรูปเงินปันผลและภาษีเงินได้ในปี 2563  จำนวน 36,535 ล้านบาท หากรวมนับตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวนประมาณ  9.9 แสนล้านบาท 

5 ปีข้างหน้า กลุ่ม ปตท. เตรียมงบ 1.6 ล้านล้านบาท พร้อมรุกธุรกิจใหม่

            สำหรับการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568)  กลุ่ม ปตท. เตรียมแผนลงทุนในวงเงินรวม 850,573 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน)  และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) อีก 804,202 ล้านบาท  เป็นส่วนของ ปตท.เงินลงทุน 5 ปีที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท และ งบ  Provisional  ประมาณ 3 แสนล้านบาท  เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง  สร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจไทย  ทั้งในธุรกิจหลักของกลุ่มโรงกลั่น ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี  มุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆด้วยการรุกธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต


             รวมถึงเชื่อมต่อคุณค่าจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมสู่ประชาชน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน  เพื่อให้เกิดระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ตั้งแต่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และ                          ก๊าซธรรมชาติ สู่ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า จนถึงธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ ได้แก่ โครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟบ) โครงการโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 7 โครงการท่อก๊าซฯบนบกเส้นที่ 5 รวมถึงการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ผ่าน บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยมีเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 4.3 GW ภายในปี 2568  เป็นไปตามแผนที่ ปตท.จะมีพลังงานทดแทนในพอร์ต  8 พัน เมกะวัตต์ในปี 2573 และจะเป็นส่วนที่ทำให้ ปตท.ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ ร้อยละ 27 เร็วกว่าแผนเดิมที่จะลดได้ร้อยละ 20 ในปี 2573

                   กลุ่ม ปตท. ยังเตรียมพร้อมก้าวสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยในอนาคต เช่น  การจัดตั้งบริษัท AI and Robotics Venture (ARV) ของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) รวมถึงการจัดตั้งบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจ Life Science ใน 4 กลุ่มธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ได้แก่ 1. ธุรกิจยา  2. ธุรกิจอาหารและโภชนาการ  3. ธุรกิจอุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์  4. ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์  เพื่อให้เป็น New S-Curve ของกลุ่ม ปตท. และประเทศไทย  ทั้งยังส่งเสริมสาธารณสุขคนไทยให้มั่นคง

         “ การปรับพอร์ตการลงทุนในอนาคต จะใช้พอร์ตปัจจุบันสร้างความแข็งแกร่ง ได้ ในส่วนของฟอสซิล จะไปทางก๊าซฯมากที่สุด โดยในส่วนของ ปตท.สผ. จะเพิ่มสัดส่วน ก๊าซฯลดสัดส่วนน้ำมัน จาก 65:35  เป็น 80:20  พร้อมลงทุนครบวงจรของธุรกิจก๊าซ ในขณะที่กลุ่มขั้นปลาย กลุ่มโรงกลั่น –ปิโตรเคมี-การค้าน้ำมัน ก็จะร่วมมือกันในการลงทุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมูลค่าเพิ่มสูง ใช้ดิจิทัลมาตอบสนองผู้บริโภคเพิ่มขึ้น”นายอรรถพลกล่าว

พร้อมร่วมมือ “เมกะโซลาร์ฟาร์ม”กองทัพบก

            นายวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม กล่าวว่า ปตท.ได้หารือ กับ กองทัพบก ในโครงการเมกะโซลาร์ฟาร์ม 3 หมื่นเมกะวัตต์ โดยพร้อมร่วมมือทั้งโครงการ โซลาร์ฟาร์ม และ ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS )

และยังหารือกับทางทหารในความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม เพื่อความมั่นคงอื่นๆ ทั้งนี้ในแผน ด้านยานยนต์ไฟฟ้า ปี 64 น่าจะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งกลุ่ม ปตท.จะร่วมทุนทั้งระบบตั้งแต่การร่วมทุนผลิตรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอื่นๆ โดยในส่วนของสถานีชาร์จไฟฟ้าอีวีปีนี้ตั้งเป้าหมายจะมี 100 แห่ง  

ศึกษาลู่ทางสกุลเงิน”ดิจิทัล” มีเงินสด 1 แสนล้านบาท

         นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. กล่วว่า ปตท. ศึกษาเรื่องระบบสกุล เงินดิจิทัล กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้ตกกระบวนการทำธุรกิจ โดยในขณะนี้ยังไม่มีแผนกู้เงินเพิ่มเติม จากปีที่ 63 ปตท.มีการออกหุ้นกู้ รวม 6 หมื่นล้านบาท และถึงสิ้นปี มีกระแสเงินสดรวม 1 แสนล้านบาท ซึ่งการออกหุ้นกู้ดังล่าวก็เป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อภาพรวมของธุรกิจ และทำให้ ปตท.มีภาระดอกเบี้ยต่ำลง มีการคืนเงินกุ้ระยะยาวมากขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยกลางปี 63 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.2 และลดลงเป็นร้อยละ 4.5 ช่วงปลายปี 63  โดยภาพรวมแล้วปี 63 ทั้งกลุ่ม ปตท.ออกหุ้นกู้รวม 2 แสนล้านบาท และชำระเงินกู้ใช้ไปแล้วราว 1.2 แสนล้านบาทในปี 63 ส่วนปี 64 จะมีการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสของการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ   

เชื่อมั่น โครงการในเมียนมา ไม่สะดุด

           นายอรรถพล  กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนในเมียนมา ทางกลุ่ม ปตท.ทำธุรกิจร่วมกันมานับเป็นสิบสิบปี ก่อนที่ เมียนมา จะเปิดประเทศ ทั้งการซื้อก๊าซและลงทุนในแหล่งก๊าซ ยาดายา  เยตากุน ซอติก้า ซึ่งแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงก็เชื่อว่าความร่วมมือจะราบรื่นเช่นเดิม  

         นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวว่า โครงการ GAS TO POWER ในเมียนมา คาดว่า จะสามารถดำเนินการได้ หาก สถานการณ์ในเมียนมามีความชัดเจน โดยโครงการนี้ กลุ่ม ปตท.ลงทุนประมาณ 2  ล้านดอลลาร์สหรํบ สร้างท่อก๊าซ 370 กม.รับก๊าซจาก ยาดายา เยตากุน ซอติก้า ไปยังเมืองกันบ็อก และต่อท่อไปเมืองย่างกุ้ง เพื่อป้อนแก่โรงไฟฟ้าที่จะสร้างใหม่ 600 เมกะวัตต์ หากเริ่มโครงการก็จะสร้างเสร็จใน 3-4 ปี สร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่เมียนมาและยังมีโอกาสจะสร้างท่อขนาดเล็ก อีก 60 กม. ส่งก๊าซไปยังนิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่บ้านเรือนของรอบเมืองย่างกุ้งในอนาคต.   

รอความชัดเจน กกพ.เรื่องระเบียบค้าเสรี แอลเอ็นจี

    นายอธิคม กล่าวด้วยว่า ปตท.พร้อมแข่งขันตลาดเสรี แอลเอ็นจี โดยรอความชัดเจน จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร โดยเห็นว่า ควรแยกตลาด และไลเซ่นส์ ของปตท.ออกมาเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของความมั่นคงที่นำก๊าซฯป้อนแก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)และลูกค้าของ กฟผ.  อีกส่วนหนึ่งคือ ตลาดอุตสาหกรรมและอื่นๆ ซึ่ง ปตท.ก็พร้อมที่จะตั้งบริษัทแยกออกมาเพื่อดูแลทั้ง 2 ตลาด บนการแข่งขันที่เป็นธรรม-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ.ลั่น หยุดยิงไม่ได้ “กัมพูชา” เปิดฉากยิงทหารไทยแต่เช้าตรู่

กทม. 27 ก.ค.-โฆษก ทบ.ลั่น หยุดยิงไม่ได้ กัมพูชาโจมตีทหารไทยแต่เช้าตรู่ หลัง “ทรัมป์” ขอให้หยุดยิง พบบ้านเรือนประชาชนเสียหายจากจรวดBM-21 เมื่อวันที่ 27 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หารือ นายกฯ กัมพูชา และนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ หากไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาเรื่องภาษีสหรัฐนั้น ว่า กัมพูชายังไม่หยุดยิง และยังตอบโต้มาอยู่ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ มีจรวดตกนอกเขตปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ เมื่อเวลา 04.30 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงทหารไทย ด้วยเครื่องยิงจรวดบีเอ็ม-21 แต่ด้วยเป้าหมายของทางกัมพูชาไม่ใช่พื้นที่ทางทหาร แต่เป็นบ้านเรือนประชาชน รวมถึงสถานพยาบาล และชุมชน โดยเมื่อ เวลา 06.30 น. กระสุนปืนใหญ่ (ไม่ทราบชนิด) ตกบริเวณพื้นที่ บ้านตาโสร์ ม.10 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สรินทร์ […]

“ภูมิธรรม” เผยเห็นชอบข้อเสนอ “ทรัมป์” แต่กัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิง

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เผยคุย “ทรัมป์” เห็นชอบข้อเสนอหยุดยิง แต่ต้องการเห็นความตั้งใจจริงของกัมพูชาและเร่งหารือทวิภาคี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านfacebook Phumtham Wechayachai เมื่อคืนวานนี้ (27 ก.ค.) ว่า ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เสนอให้ประเทศไทยและกัมพูชาดำเนินการหยุดยิงโดยทันที เพื่อยุติความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นบริเวณชายแดน ฝ่ายไทยได้แสดงความขอบคุณต่อความห่วงใยและความปรารถนาดีจากสหรัฐฯ พร้อมยืนยันว่า “ในหลักการ ฝ่ายไทยเห็นชอบต่อการหยุดยิง” อย่างไรก็ดี ไทยยังต้องการเห็น “ความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาในเรื่องดังกล่าว” ไทยจึงได้ขอให้สหรัฐฯ ช่วยถ่ายทอดจุดยืนนี้ไปยังกัมพูชา โดยเสนอให้มีการหารือแบบทวิภาคีโดยเร็วที่สุด และให้กัมพูชาแสดงความจริงจังและจริงใจ เพื่อกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนในการหยุดยิง ซึ่งจะนำไปสู่การยุติข้อพิพาทอย่างสันติและยั่งยืนในระยะยาว การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของนานาชาติในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา สำหรับข้อความที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Phumtham Wechayachai ระบุว่า “เมื่อครู่ที่ผ่านมา ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เสนอให้ประเทศไทยและกัมพูชาดำเนินการหยุดยิงโดยทันที ผมได้กล่าวขอบคุณต่อความห่วงใยและความปรารถนาดีของฝ่ายสหรัฐฯ และยืนยันว่า […]