ปตท.มั่นใจปีนี้มีกำไรสตอกน้ำมัน

กรุงเทพฯ23 ก.พ. – ปตท.เชื่อมั่นปีนี้ มีกำไรสตอกน้ำมัน  จากปี 63 ทั้งกลุ่มขาดทุนสตอกรวม 1.9 หมื่นล้านบาท คาดกรอบราคาน้ำมันดูไบ 55-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ตั้งงบทั้งกลุ่ม 1.6  ล้านล้านบาท  ขยายธุรกิจตามแผน 5 ปี  ร่วมมือกองทัพบกลุย”เมกะโซลาร์ฟาร์ม ” เชื่อ Gas to Power ในเมียนมาเดินหน้าได้  


           นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันดิบขณะนี้จะอยู่ที่ประมาณ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ ปตท.ยังไม่ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบทั้งปีที่ 55-60 ดอลลาร์/ บาร์เรล  ซึ่งราคาที่สูงขึ้นก็เป็นผลดีต่อผลดำเนินการของกลุ่ม ปตท. และคาดว่า หากราคาไม่ผันผวนมากปีนี้  ปตท.จะมีกำไรสตอกน้ำมัน เพราะปี 63 ราคาดูไบเฉลี่ยที่ 42.2 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยทั้ง กลุ่ม ขาดทุนสตอกปี63รวม 1.9 หมื่นล้านบาท เป็นส่วนของ ปตท. ประมาณ 9.2 พันล้านบาท

          สำหรับผลการดำเนินงานของปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 225,672 ล้านบาท ลดลง 63,300 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.9 มีกำไรสุทธิจำนวน 37,766 ล้านบาท ลดลง 55,185 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.4 จากปี 2562 ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจให้ยังคงมีความเข้มแข็ง เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน  แม้ว่าจะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19  ซึ่งจากพอร์ต ปตท.ที่แข็งแกร่งมีหลายผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ขั้นต้น กลาง ปลาย ประกอบกับความร่วมมือกันบริหารงานทั้งกลุ่ม ก็ทำให้ ปตท.ได้รับผลกระทบต่ำ ในขณะที่ บริษัทพลังขนาดใหญ่ในโลกได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน เช่น  เอ็กซอน ขาดทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เชฟรอน ขาดทุน 5,500 ล้านดอลลาร์ เป็นต้น


         คณะกรรมการ ปตท. มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินปันผล ปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และ 6 เดือนหลัง  อีก 0.82 บาท ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้ให้รัฐ ทั้งในรูปเงินปันผลและภาษีเงินได้ในปี 2563  จำนวน 36,535 ล้านบาท หากรวมนับตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวนประมาณ  9.9 แสนล้านบาท 

5 ปีข้างหน้า กลุ่ม ปตท. เตรียมงบ 1.6 ล้านล้านบาท พร้อมรุกธุรกิจใหม่

            สำหรับการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568)  กลุ่ม ปตท. เตรียมแผนลงทุนในวงเงินรวม 850,573 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน)  และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) อีก 804,202 ล้านบาท  เป็นส่วนของ ปตท.เงินลงทุน 5 ปีที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท และ งบ  Provisional  ประมาณ 3 แสนล้านบาท  เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง  สร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจไทย  ทั้งในธุรกิจหลักของกลุ่มโรงกลั่น ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี  มุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆด้วยการรุกธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต


             รวมถึงเชื่อมต่อคุณค่าจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมสู่ประชาชน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน  เพื่อให้เกิดระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ตั้งแต่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และ                          ก๊าซธรรมชาติ สู่ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า จนถึงธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ ได้แก่ โครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟบ) โครงการโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 7 โครงการท่อก๊าซฯบนบกเส้นที่ 5 รวมถึงการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ผ่าน บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยมีเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 4.3 GW ภายในปี 2568  เป็นไปตามแผนที่ ปตท.จะมีพลังงานทดแทนในพอร์ต  8 พัน เมกะวัตต์ในปี 2573 และจะเป็นส่วนที่ทำให้ ปตท.ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ ร้อยละ 27 เร็วกว่าแผนเดิมที่จะลดได้ร้อยละ 20 ในปี 2573

                   กลุ่ม ปตท. ยังเตรียมพร้อมก้าวสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยในอนาคต เช่น  การจัดตั้งบริษัท AI and Robotics Venture (ARV) ของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) รวมถึงการจัดตั้งบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจ Life Science ใน 4 กลุ่มธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ได้แก่ 1. ธุรกิจยา  2. ธุรกิจอาหารและโภชนาการ  3. ธุรกิจอุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์  4. ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์  เพื่อให้เป็น New S-Curve ของกลุ่ม ปตท. และประเทศไทย  ทั้งยังส่งเสริมสาธารณสุขคนไทยให้มั่นคง

         “ การปรับพอร์ตการลงทุนในอนาคต จะใช้พอร์ตปัจจุบันสร้างความแข็งแกร่ง ได้ ในส่วนของฟอสซิล จะไปทางก๊าซฯมากที่สุด โดยในส่วนของ ปตท.สผ. จะเพิ่มสัดส่วน ก๊าซฯลดสัดส่วนน้ำมัน จาก 65:35  เป็น 80:20  พร้อมลงทุนครบวงจรของธุรกิจก๊าซ ในขณะที่กลุ่มขั้นปลาย กลุ่มโรงกลั่น –ปิโตรเคมี-การค้าน้ำมัน ก็จะร่วมมือกันในการลงทุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมูลค่าเพิ่มสูง ใช้ดิจิทัลมาตอบสนองผู้บริโภคเพิ่มขึ้น”นายอรรถพลกล่าว

พร้อมร่วมมือ “เมกะโซลาร์ฟาร์ม”กองทัพบก

            นายวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม กล่าวว่า ปตท.ได้หารือ กับ กองทัพบก ในโครงการเมกะโซลาร์ฟาร์ม 3 หมื่นเมกะวัตต์ โดยพร้อมร่วมมือทั้งโครงการ โซลาร์ฟาร์ม และ ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS )

และยังหารือกับทางทหารในความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม เพื่อความมั่นคงอื่นๆ ทั้งนี้ในแผน ด้านยานยนต์ไฟฟ้า ปี 64 น่าจะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งกลุ่ม ปตท.จะร่วมทุนทั้งระบบตั้งแต่การร่วมทุนผลิตรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอื่นๆ โดยในส่วนของสถานีชาร์จไฟฟ้าอีวีปีนี้ตั้งเป้าหมายจะมี 100 แห่ง  

ศึกษาลู่ทางสกุลเงิน”ดิจิทัล” มีเงินสด 1 แสนล้านบาท

         นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. กล่วว่า ปตท. ศึกษาเรื่องระบบสกุล เงินดิจิทัล กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้ตกกระบวนการทำธุรกิจ โดยในขณะนี้ยังไม่มีแผนกู้เงินเพิ่มเติม จากปีที่ 63 ปตท.มีการออกหุ้นกู้ รวม 6 หมื่นล้านบาท และถึงสิ้นปี มีกระแสเงินสดรวม 1 แสนล้านบาท ซึ่งการออกหุ้นกู้ดังล่าวก็เป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อภาพรวมของธุรกิจ และทำให้ ปตท.มีภาระดอกเบี้ยต่ำลง มีการคืนเงินกุ้ระยะยาวมากขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยกลางปี 63 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.2 และลดลงเป็นร้อยละ 4.5 ช่วงปลายปี 63  โดยภาพรวมแล้วปี 63 ทั้งกลุ่ม ปตท.ออกหุ้นกู้รวม 2 แสนล้านบาท และชำระเงินกู้ใช้ไปแล้วราว 1.2 แสนล้านบาทในปี 63 ส่วนปี 64 จะมีการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสของการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ   

เชื่อมั่น โครงการในเมียนมา ไม่สะดุด

           นายอรรถพล  กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนในเมียนมา ทางกลุ่ม ปตท.ทำธุรกิจร่วมกันมานับเป็นสิบสิบปี ก่อนที่ เมียนมา จะเปิดประเทศ ทั้งการซื้อก๊าซและลงทุนในแหล่งก๊าซ ยาดายา  เยตากุน ซอติก้า ซึ่งแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงก็เชื่อว่าความร่วมมือจะราบรื่นเช่นเดิม  

         นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวว่า โครงการ GAS TO POWER ในเมียนมา คาดว่า จะสามารถดำเนินการได้ หาก สถานการณ์ในเมียนมามีความชัดเจน โดยโครงการนี้ กลุ่ม ปตท.ลงทุนประมาณ 2  ล้านดอลลาร์สหรํบ สร้างท่อก๊าซ 370 กม.รับก๊าซจาก ยาดายา เยตากุน ซอติก้า ไปยังเมืองกันบ็อก และต่อท่อไปเมืองย่างกุ้ง เพื่อป้อนแก่โรงไฟฟ้าที่จะสร้างใหม่ 600 เมกะวัตต์ หากเริ่มโครงการก็จะสร้างเสร็จใน 3-4 ปี สร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่เมียนมาและยังมีโอกาสจะสร้างท่อขนาดเล็ก อีก 60 กม. ส่งก๊าซไปยังนิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่บ้านเรือนของรอบเมืองย่างกุ้งในอนาคต.   

รอความชัดเจน กกพ.เรื่องระเบียบค้าเสรี แอลเอ็นจี

    นายอธิคม กล่าวด้วยว่า ปตท.พร้อมแข่งขันตลาดเสรี แอลเอ็นจี โดยรอความชัดเจน จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร โดยเห็นว่า ควรแยกตลาด และไลเซ่นส์ ของปตท.ออกมาเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของความมั่นคงที่นำก๊าซฯป้อนแก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)และลูกค้าของ กฟผ.  อีกส่วนหนึ่งคือ ตลาดอุตสาหกรรมและอื่นๆ ซึ่ง ปตท.ก็พร้อมที่จะตั้งบริษัทแยกออกมาเพื่อดูแลทั้ง 2 ตลาด บนการแข่งขันที่เป็นธรรม-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

เพื่อไทยขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลัง “สง่า” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – พรรคเพื่อไทย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน หลังผลเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ “สง่า” ชนะขาด “สุทัศน์” จากพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ชนะขาดนายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครของพรรคประชาชน หมายเลข 2 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ทีมงานทุกคน พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อไทยทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย วันที่ 14 ก.ย.68 เวลา 19.39 น. ที่ศูนย์รวมคะแนนประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ภายหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนน โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย รายงานเมื่อเวลา เวลา 19.39 น. พบว่า นายสง่า พรมเมือง […]