กระทรวงคลัง 10 ก.พ. – คลังเปิดใช้บัตรประชาชนใช้จ่าย “เราชนะ” กลุ่มไม่มีมือถือ คนพิการ แนะผู้ทบทวนสิทธิ์ยื่นแบบภาษีผ่านออนไลน์ภายใน 7 วัน หลังยื่นทบทวนสิทธิ์ไม่เกิน 8 มี.ค.64
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ สำหรับประชาชนกลุ่มต้องช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนเองหรือเดินทางไปใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ที่ได้รับผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ และไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟน เพื่อใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้จ่ายได้
รัฐบาลได้มอบหมายให้ ธ.กรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ เปิดรับลงทะเบียนระหว่างวันที่ 15 -25 กุมภาพันธ์ 64 หรือจุดบริการเคลื่อนที่ โดยความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อร่วมกันอำนวยความสะดวก การลงทะเบียน โดยต้องนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด (Smart Card) หากเป็นบัตรประชาชนใบเดิม ต้องเปลี่ยนใหม่เป็นแบบสมาร์ทการ์ดเท่านั้น เพื่อใช้ประกอบการลงทะเบียน ต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยการเสียบบัตรประจำตัวประชาชน ผ่านเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) พร้อมกำหนดรหัส (PIN Code 6 หลัก) ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย หรือจุดบริการธนาคารกรุงไทยกำหนด
เมื่อลงทะเบียนแล้ว ยังต้องผ่านการคัดกรองคุณสมบัติและได้รับอนุมัติวงเงินสิทธิ์ 3,500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน เมื่อกลุ่มดังกล่าวลงทะเบียนหลังสุด จึงได้เงินตกเบิกรวม 4,000 บาท จากนั้นจะได้รับทุกสัปดาห์ 1,000 บาท ต่อเนื่อง 2 เดือน การลงทะเบียนของประชาชนกลุ่มนี้ เปิดให้ใช้จ่ายผ่านบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด EDC และหากใช้จ่ายผ่านแอ็พเป๋าตัง จะให้กดรหัส PIN เลข 6 หลัก สำหรับการซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการจากร้าน ธงฟ้าราคาประหยัด ร้านค้าคนละครึ่ง และผู้ประกอบการ ร้านค้า และบริการสาธารณะ ที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถสะสมเงินในบัตรได้ และต้องใช้จ่ายได้ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับเป็นสวัสดิการฯ ครั้งแรกของไทย ซึ่งเปิดให้ประชาชนใช้เงินผ่านบัตรประชาชน ซึ่งได้ทดลองระบบมาแล้วหลายครั้ง จนมั่นใจในการชำระเงินผ่านสมาร์ทการ์ด เพราะระบบการเก็บยอดเงินดังกล่าว เก็บไว้ในฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทย ไม่ใช่เก็บไว้ที่บัตรประชาชน เหมือนกับบัตรเติมเงินทั่วไป เมื่อประชาชนกลุ่มดังกล่าวต้องการใช้เงิน จึงนำบัตรประชาชนไปใช้จ่ายผ่ายเครื่อง EDC หรือแอ็พถุงเงินของร้านค้า เหมือนกับผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มประชาชนอยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกลุ่มประชาชนทั่วไปผู้มีอาชีพอิสระ ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com แล้วพบว่า “ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ” ให้ยื่นขอทบทวนสิทธิ์ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ ขณะนี้ยื่นทบทวนสิทธิ์แล้ว 3.9 แสนคน ปัจจุบันกลุ่มผู้มีอาชีพอิสระลงทะเบียนแล้ว 10.6 ล้านคน ผ่านการคัดกรองแล้ว 6.4 ล้านคน สำหรับกลุ่มผู้ไม่มีมือถือ คนพิการ คาดว่าจะลงทะเบียนประมาณ 31 ล้านคน ขณะที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 13.8 ล้านคน กลุ่มใช้แอปเป๋าตัง 8.4 ล้านคน
ในส่วนกลุ่มผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติเรื่องเงินได้พึงประเมิน และหากประสงค์ให้ตรวจสอบข้อมูลเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2563 ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2563 ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรภายใน 7 วัน นับแต่วันยื่นขอทบทวนสิทธิ์ ต้องไม่เกินวันที่ 8 มีนาคม 2564 สำหรับผู้ยื่นขอทบทวนสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2564 จะต้องยื่นแบบฯ ภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 จากนั้นวันที่ 19 มี.ค. จะประกาศผลการคัดกรอง กำหนดโอนเงินให้ในวันที่ 25 มี.ค.64
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลังพบว่ามีประชาชนหรือร้านค้าใช้จ่าย ผิดวัตถุประสงค์ จึงได้ประสาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคลัง ธ.กรุงไทย ร่วมติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินคดีทางกฎหมาย เพราะได้กระทำผิดเงื่อนไข จึงต้องระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้า และระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันที โดยพบว่ามีร้านค้า เข้าข่ายกระทำผิด 152 ร้านค้า ผู้ซื้อสินค้า 167 ราย โดยเฉพาะเหตุที่เกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา พบพฤติกรรมค้าขายผิดปกติ เช่น ภายใน 2-5 นาที ขายก๋วยเตี๋ยวได้ 30-40 ชาม ซึ่งเป็นไปไม่ได้
รัฐบาลจึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูล ป้องกันการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ จึงขอความร่วมมือประชาชนรักษาสิทธิ์ของตนเอง และขอให้ร้านค้าและประชาชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ หากพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ สามารถแจ้งเบาะแส หรือส่งหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ถึง “คณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการฯ” ทางไปรษณีย์มาได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ .- สำนักข่าวไทย
