กรุงเทพฯ 24 ม.ค. -กระทรวงการคลัง ยืนยันจีดีพีปี 66 โตเพียงร้อยละ 1.8 เผชิญหลายปัจจัยเสี่ยง พร้อมงัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันจีดีพีปี 67 เพิ่มเป็นร้อยละ 2.8 ในปีมังกรทอง
นายพรชัย ฐีระเวช โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง เศรษฐกิจไทยปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 1.8 ต่อปี นับว่าชะลอลงจากปี 2565 ที่ขยายร้อยละ 2.6 เนื่องจากการหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 ในหมวดยานยนต์ หดตัวเป็นเดือนที่ 13 คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งปี 66 คาดว่า หดตัวที่ร้อยละ – 1.5 เพราะเศรษฐกิจของ ประเทศคู่ค้าชะะลอตัว มูลค่าการนำเข้า หดตัวที่ร้อยละ – 1.9 จีดีพีต่ำร้อยละ 1.8 สอดคล้องกับหลายหน่วยงาน สศค. ได้คำนวณเป็นรายไตรมาส/ไตรมาสเทียบกับปีก่อน อย่างละเอียด ไม่ได้ทำตัวเลขจีดีพีเอาใจรัฐบาล เป็นการขยายตัวต่ำ ตามปัจจัยต่างๆ โดยไตรมาส 4 ปี 66 จีดีพี ขยายตัวร้อยละ 1.4 นอกจากนี้ไทยยังเผชิญปัญหา เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดทุน -3.3 แสนล้านบาท
นายพรชัย กล่าวย้ำว่า เศรษฐกิจไทย ยังไม่วิกฤติ เพราะการเข้าสู่วิกฤติ มีทั้งเรื่องวิกฤติเวลา และวิกฤติจากเหตการณ์ เช่น วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ต้องมีหน่วยงานระหว่างประเทศ อย่างไอเอ็มเอฟ เข้ามาช่วยเหลือ และวิกฤติจากโควิค-19 ประชาชน ออกจากบ้านไม่ได้ เศรษฐกิจซบเซา จนต้องออก พ.ร.ก. กู้เงินมาช่วยเหลือ ดังนั้น การขับเคลื่อนจีดีพีให้ได้ตามเป้าหมายจากร้อยบะ 1.8 ในปี 66 ให้เพิ่มเป็นร้อยละ 2.8 ในปี 67 นั้น ต้องให้แบงก์รัฐเข้าไปดูแลสินเชื่อกับรายย่อยให้มีสภาพคล่องประกอบธุรกิจ การเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจ เร่งแผนการลงทุน เมื่อติดตามช่วงต้นปีไตรมาสแรก จีดีพียังซึมๆไม่ดีขึ้น อาจต้องเสนอรับบาลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม ยอมรับว่า ถึงแม้จะมีปัญหาเอกสารลับ ตัวเลขจีดีพีหลุดออกไป ยังเชื่อมั่น สศค. ยังเป็นเสาหลักเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับด้านเศรษฐกิจไทย
สำหรับในปี 2567 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทย ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 2.8 ต่อปี(ช่วงคาดการณ์ (ร้อยละ 2.3- 3.3) ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นจากปี 2566 ปัจจัยหนุนจาก ภาคการส่งออกขยายตัวสูง ภาคการท่องเที่ยวคาดว่าในปี 67 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาในประเทศ 33.5 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 19.5 ต่อปี รายจ่าย เฉลี่ย 44,273 บาทต่อหัวต่อทริป โดยเฉพาะ จีน มาเลเซีย คาดว่า มีรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติ 1.48 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.6 ต่อปี ส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวข้อง ต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน การยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไทยได้ตามเป้าหมายหรือไม่
นอกจากนั้น คาดว่าการส่งออกสินค้า ขยายตัว ร้อยละ 4.2 ต่อปี การนำเข้า ขยายตัว ร้อยละ 4.0ต่อปี โดยการบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 3.3 ต่อปี การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวร้อยละ 3.2 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ร้อยละ 1.0 ต่อปี ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 67 มีแนวโน้ม กลับมาเกินดุล 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.8 ของ GDP แต่ยังเป็นห่วงหนี้ภาคครัวเรือน ล่าสุดไตรมาส 3 ปี 66 ยอดคงค้าง 16.2 ล้านล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 90.9 ของจีดีพี แม้งบประมาณรายจ่ายปี 67 ออกสู่ระบบล่าช้าไป 7 เดือน คาว่าจะเบิกจ่ายได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้ รัฐบาลต้องเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนด้านดิจิทัล เชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สศค. กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ยังต้องติดตาม ปัจจัยสำคัญ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด อาทิ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ อาจรุนแรงมากขึ้น อาจเป็นข้อจำกัดและส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย เช่น การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐ การสู้รบระหว่างอิสราเอลและฮามาส ความยืดเยื้อของสงคราม รัสเชีย-ยูเครน ความผันผวนของตลาดการเงินโลก จากการดำเนินนโยบายการเงิน เข้มงวดของประเทศคู่ค้าหลักและปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ ทั้ง สหรัฐอเมริกา และยุโรป รวมถึงการเลือกตั้งผู้นำประเทศในปี 67 เกิดขึ้นทั้งสหรัฐ รัสเซีย อินเดีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก.-515-สำนักข่าวไทย