นนทบุรี 1 ก.พ. – พาณิชย์เชื่อแม้เกิดรัฐประหารเมียนมาไม่น่าจะกระทบความสัมพันธ์การค้าระหว่างกัน แต่ขอติดตามแบบวันต่อวัน
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สถานการณ์รัฐประหารประเทศเมียนมาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยได้รับรายงานล่าสุดจากสำนักงานพาณิชย์ไทยในเมียนมาแจ้งว่าในช่วงบ่ายวันนี้ การค้าบริเวณด่านพรมแดนระหว่างไทยกับเมียนมาได้กลับมาให้ส่งออกและนำเข้าสินค้าได้ตามปกติ แต่คาดว่าจะมีการจำกัดเวลาบ้าง ดังนั้น คงจะต้องมีการติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวันอย่างใกล้ชิดกันใกล้ชิดกันต่อไป
ทั้งนี้ หากดูปริมาณการค้าของทั้ง 2 ประเทศในปีที่ผ่านมามีมูลค่ากว่า 164,000 ล้านบาท โดยไทยส่งออกสินค้าไปเมียนมากว่า 84,000 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากเมียนมากว่า 77,000 ล้านบาท โดยไทยได้ดุลการค้า ซึ่งการค้าระหว่างกันจะผ่านใน 3 ด่าน ได้แก่ ด้านแม่สาย มีมูลค่าการค้าในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท ด่านแม่สอด จังหวัดตาก มีมูลค่าอยู่ที่ 74,000 ล้านบาท และด่านระนองมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงคิดว่าแม้จะเกิดเหตุการณ์รัฐประหารเกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างกันมากนัก เพราะขณะนี้ภายในประเทศเมียนมาเปิดให้บริการเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า การเดินทางหรือแม้แต่ธนาคารต่างๆแต่อาจจะมีการใช้มาตรการจำกัดเวลาอยู่บ้างในขณะนี้
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงกรณีเกิดรัฐประหารในประเทศเมียนมาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านว่า คงจะต้องติดตามดูความชัดเจนเกี่ยวกับคำประกาศที่จะออกมาจากคณะรัฐประหารก่อนว่าจะเป็นอย่างไรในช่วง 2-3 วัน แต่โดยปกติเมื่อเกิดรัฐประหารจะประกาศปิดด่านการค้าพรมแดนอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้จะกระทบการค้าระหว่างไทยกับเมียนมาทันที แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะปิดด่านยาวนานแค่ไหนก็คงจะต้องติดตามกันต่อไป
ทั้งนี้ ยังมองว่าความสัมพันธ์ไทยกับเมียนมามีความยาวนานในทุกด้าน และคงจะไม่ตัดความสัมพันธ์ทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพราะเมียนมาพึ่งพาทั้งการค้าและการลงทุนจากไทยในแต่ละปีไม่น้อยและเช่นเดียวกันไทยก็พึ่งพาการค้าและการลงทุนจากเมียนมาในสัดส่วนที่มากเช่นกัน จึงมองว่าแม้ว่าจะเกิดรัฐประหารเมียนมาเกิดขึ้นและหลายประเทศจะประกาศคว่ำบาตรเมียนมาเป็นการชั่วคราวก็เชื่อว่าจะไม่กระทบความสัมพันธ์การค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับเมียนมาแน่นอน . – สำนักข่าวไทย