กรุงเทพฯ 6 ม.ค. – สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (ไอเอเอ) มองเป้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีนี้ที่ 1,559 จุด มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าและวัคซีนเป็นปัจจัยหนุน
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่อมุมมองในด้านการลงทุนและคาดการณ์ทิศทางดัชนีราคาหุ้นไทย (SET Index) ในปี 2564 โดยคาดว่า เป้าหมายดัชนี ณ วันสิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 1,559 จุด ซึ่งสูงกว่าระดับดัชนี ณ วันสิ้นปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 1,449 และมีจุดต่ำสุดของดัชนีราคาหุ้นไทยระหว่างปี มีค่าเฉลี่ยจุดต่ำสุด ที่ 1,338 จุด
สำหรับจุดสูงสุดของ SET Index ระหว่างปี 2564 เฉลี่ยที่ระดับ 1,631 จุด พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดเฉลี่ยที่ 77.46 บาท บนสมมติฐาน ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2564 นั้นผู้ตอบทุกรายมองว่าเป็นบวก มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.74% ส่วนสมมติฐานราคาน้ำมัน มีค่าเฉลี่ยของผู้ตอบแบบสอบถามที่ 49.70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
นายสมบัติ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจากนี้จะปรับขึ้นไปได้ไม่มากนัก เนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 แล้ว ซึ่งปรับตัวขึ้นก่อนที่จะมีวัคซีนโควิด-19 หรือว่าก่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวเป็นบวกได้อย่างแท้จริงคือช่วงไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะมีการปรับตัวลดลงอีก 0.25%
สำหรับปัจจัยที่มีผลบวกต่อดัชนีราคาหุ้นไทยในปี 2564 ได้แก่ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก รองลงมาคือ คาดว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ตามลำดับ
ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลในด้านลบ ได้แก่ แนวโน้มสถานการณ์โควิด-19 รองลงมา คือปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศ และเศรษฐกิจภายในประเทศ ตามลำดับ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศนั้นผู้โหวตมีความเห็นต่างพอสมควร โดยมีผู้โหวต 52.17% ที่มองว่าเป็นปัจจัยลบ แต่มีผู้ตอบ 39.13% ที่มองแย้งว่าจะเป็นผลบวก
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนมีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่ กระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชน และกระตุ้นการบริโภคผ่านโครงการช้อปช่วยชาติ ฯลฯ และเสนอให้เร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน
นอกจากนี้อยากให้ช่วยเหลือภาคธุรกิจ คือ มาตรการช่วยเหลือ SME ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หรือการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
สำหรับหุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำ คือ ADVANC , BDMS , CPALL , KBANK และ PTTGC ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรมและสายการบิน นอกจากนั้นยังให้หลีกเลี่ยงหุ้นบางรายที่วิ่งขึ้นมากว่า 1,000% เนื่องจากราคาเกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก . – สำนักข่าวไทย