กลุ่ม ปตท.รับมือโควิด-19 พร้อมลุยลงทุนกระตุ้น ศก.


กรุงเทพฯ 4 ม.ค.-“อรรถพล”  ซีอีโอ ปตท. พร้อมรับมือ โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ดูแลความมั่นคงพลังงานและความลอดภัยพนักงงาน พร้อมเร่งแผนลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งกลุ่ม ปี 64 พร้อมลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาท และแผน 5 ปี พร้อมลงทุน 1 ล้านล้านบาท    


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)  เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเจรจา ในด้านธุรกิจ ด้าน Life science ในต่างประเทศ 1-2 ราย คาดว่าจะมีความชัดเจนในการตกลงว่าจะเข้าร่วมทุนในไตรมาส 1/64 หลังจากได้ จัดตั้งบริษัท อินโนบิก แอลแอล โฮลดิ้ง จํากัด  ถือหุ้นทั้งหมดโดย บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จํากัด (บริษัทย่อยของ ปตท.) เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการลงทุนในธุรกิจยาในต่างประเทศ ตามกลยุทธ์การลงทุนใน New business ของ ปตท. รวมทั้งเพื่อพัฒนาศักยภาพความสามารถของ ปตท. ในด้าน Life science ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัท อินโนบิก แอลแอล โฮลดิ้ง ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563

“ธุรกิจ Life scienceเป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ที่ ปตท.จะเพิ่มฐานธุรกิจรับเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในส่วนของผู้บริหารก็จะจัดจ้างมืออาชีพเข้าร่วมดำเนินงาน โดยธุรกิจนี้ มีทั้งธุรกิจ ยา ,สารอาหารและเครื่องมือ อุปกรร์ทางการแพทย์ ที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ กลุ่ม ปตท.มีฐานผลิตอยู่แล้ว” นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพล กล่าวว่า กลุ่ม ปตท. เตรียมแผนรองรับ การระบาด โควิด-19 รอบใหม่  ดูสานต่อจากแผนเดิมที่ดำเนินการไว้ในปี 2563 โดย กลุ่ม ปตท.มีความพร้อมทั้งด้านการดูแลพนักงาน และมีความพร้อมปฏิบัติงานตามที่ต่างๆให้ การเดินหน้าผลิต เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด แต่ในส่วนของความต้องการใช้พลังงานของประเทศ จะลดลงมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นกับทิศทางการระบาดจะเป็นเช่นไร โดยยอมรับว่า ในช่วงล็อกดาวน์ รอบที่แล้ว เดือนมีนาคม-เมษายน 2563 ความต้องการลดลงไปมาก และก่อนที่จะระบาดรอบนี้ ความต้องการใช้โดยเฉพาะน้ำมันก็กลับมาใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ซึ่ง ขณะนี้ กลุ่ม ปตท.ก็ได้ตามติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


ทั้งนี้ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากผลล็อกดาวน์ 63 จากผลกระทบโควิด-19 ก็ทำให้ยอดขายลดลงราวร้อยละ 8  และผลดำเนินงานในส่วนรายได้ ยังขึ้นกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลก แต่เป็นเรื่องที่ดีที่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.มีฐานต้นทุนการผลิตต่ำ เฉลี่ยประมาณ 30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่  คาดการณ์กันว่า ราคาน้ำมันดิบปี 64 จะเคลื่อนไหวราว 50 เหรียญ/บาร์เรล  ซึ่งเงื่อนไข ก็อยู่ที่ความร่วมมือของกลุ่ม โอเปก พลัส จะจำกัดการผลิตมากน้อยเพียงใด และหากวัคซีน โควิด-19 สามารถนำออกมาใช้คุมสถานการณ์ได้ทั่วโลก ราคาน้ำมันก็อาจจะสูงขึ้น แต่ก็คาดว่าจะไม่สูงมากไม่พรวดพราดไปถึงระดับ  70-80 เหรียญ/บาร์เรล แน่นอน   

ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปี64 ทิศทางราคาก๊าซฯในอ่าวไทยลดลงจากต้ทุนที่ผันแปรตามทิศทางน้ำมันดิบย้อนหลัง ในขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี ก็มีรูปแบบเช่นกัน ราคาขึ้นอยู่กับตลาดโลก ความต้องการใช้หากลดลงก็มีผลต่อยอดผลิต หากมียอดผลิตเหลือก็ต้องบริหารจัดการเช่น ส่งออกเป็นต้น

สำหรับการลงทุน เพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น  ในปี 2564 ทาง กลุ่ม ปตท.มีแผนลงทุนในโครงการที่ได้อนุมัติแล้วรวมทุกบริษัท  2.6 แสนล้านบาท เป็นส่วนเฉพาะ ปตท. 76,399 ล้านบาท  และยังมีโครงการPROVISION หรือ ศึกษาเตรียมพร้อมที่จะลงทุนรวมทั้งกลุ่ม ปตท.อีกรวม 3 แสนล้านบาท  โดยทั้ง 2 แผนงานก็จะต่อเนื่องจากธุรกิจฐานของ กลุ่ม ปตท. และ สร้างแพลทฟอร์มในธุรกิจใหม่ เพื่อเป็น NEW S-CURVE ให้กับประเทส รวมทั้ง เดินหน้าจ้างงานใหม่ในระยะสั้น-ยาว อีก 2.6 หมื่นตำแหน่ง ภาพรวมก็เป็นไปตามเป้าหมายโครงการ Restart Thailand ของกลุ่ม ปตท. ในขณะที่ แผนลงทุน 5 ปี ( 64-68 ) กลุ่ม ปตท. มีแผนลงทุนที่ชัดเจนรวม 8.4 แสนล้านบาท เป็นส่วนเฉพาะ ปตท.  179,072 ล้านบาท  และเมื่อรวมกับPROVISION ปตท.จะมีเงินลงทุน 5 ปี ราว5.1 แสน ล้านบาท  ทั้งนี้ แผนลงทุน 5 ปีของ กลุ่ม ปตท.ที่เดินหน้าชัดเจน เช่น โครงการ CFPของ บมจ.ไทยออยล์ 74,263 ล้านบาท โครงการ  โรงแยกก๊าซธรรมชาติที่  7 ราว  17,775  ล้านบาท โครงการสถานีรับจ่ายก๊าซแอลเอ็นจี- หนองแฟบ  21,513 ล้านบาท และ  โครงการสถานีรับจ่ายก๊าซแอลเอ็นจีมาบตาพุดระยะที่ 3 วงเงิน      3,248 ล้านบาท   

“ กลุ่ม ปตท.ลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจและขยายไปสู่ ธุรกิจใหม่ ทั้ง พลังงานทดแทน 8,000 เมกะวัตต์ ในอนาคต และ   Life science นับเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ  ซึ่งที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท.เจอการเปลี่ยน แปลงมามากพอสมควร ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายวิกฤติ ทั้ง ต้ำยำกุ้ง ,แฮมเบอร์เกอร์, เชลล์ออยล์-เชลล์ก๊าซ และรอบนี้  โควิด-19 ทางกลุ่มมีแผนรับมือรับการเปลี่ยนแปลง และยังยืนยันว่าจะรักษาระดับเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นที่ ร้อยละ 40-50 เช่นเดิม “นายอรรถพล กล่าว -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]