กรุงเทพฯ 10 พ.ย.- ปตท.เดินหน้าปรับพอร์ตลงทุน ขยายไปธุรกิจยา รถอีวี แต่ยังรักษาฐานปิโตรเลียมให้แข็งแกร่ง ทุ่มหมื่นล้านบาท ผุดตั้งโรงแยกก๊าซแห่งที่ 7 เริ่มก่อสร้างปีหน้า
นางอรวดี โพธิสาโร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร ปตท. เผยว่า ปตท.เดินหน้าปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่เติบโต สอดคล้องกับแนวโน้มระยะยาวโดยทำแผนปี 64-73 ทั้งเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจปิโตรเลียมในปัจจุบัน ลงทุนใน New Energy เช่น พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น Storage, Grid Network, EV Charging Station เป็นต้น ขณะที่ยังรักษาฐานปิโตรเลียมให้แข็งแกร่ง โดยทุ่มหมื่นล้านบาท ผุดตั้งโรงแยกก๊าซแห่งที่ 7 เริ่มก่อสร้างปีหน้า
นอกจากนี้ จะมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อหาโอกาสในในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีแนวโน้มเติบโต อาทิ ธุรกิจ Life Science ที่กำลังเจรจากับโรงงาน ผลิตยาในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มโซนเอเชียก่อน คาดจะได้ข้อสรุปปี 64 หลังจากที่ ในประเทศ ปตท.ได้มีความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม จัดตั้งโรงงานผลิตยารักษามะเร็ง
ส่วนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ขณะนี้กลุ่ม ปตท.อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ต้นแบบ โดยมองโอกาสต่อยอดสู่การร่วมทุนจัดตั้งโรงงานผลิตรถอีวีในอนาคต ทั้งนี้ ในปี 2564 ปตท.ตั้งเป้าใช้งบลงทุนมากกว่าระดับปกติ ที่มีการลงทุนแต่ละปีประมาณ 80,000 ล้านบาท หลังมีแผนลงทุนในธุรกิจใหม่และธุรกิจพลังงานใหม่เพิ่มขึ้นแต่จะเป็นระดับเท่าไร ยังต้องรอให้ บอร์ด ปตท.ที่จะประชุมในเดือน ธ.ค.นี้ อนุมัติก่อน
ด้านกระทรวงพลังงาน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวง ยืนยันไทยยังส่งเสริมให้มีการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้า ส่วนการพัฒนาแบตเตอรี่ก็มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และเมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล การพัฒนาจะยิ่งเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง10 ปีที่ผ่านมาต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลดลงถึงร้อยละ 80 และแบตเตอรี่่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพลงไม่มากศักยภาพประมาณ 80% ยังสามารถนำมาใช้เป็นที่เก็บพลังงานไฟฟ้า เช่น จากโซลาร์ เซลล์ได้ เป็นต้น และบางส่วนก็นำมาปรับเปลี่ยนและขายในราคาถูกลงได้
สำหรับปี 64 กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งหารืออย่างเข้มข้นพร้อมคงเป้าหมายอีก 20 ปีข้างหน้า ยานยนต์ที่วิ่งบนถนนในประเทศไทยจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้ามากถึง 2.5 ล้านคัน.-สำนักข่าวไทย