fbpx

ธปท.ปรับมาตรการช่วยเอสเอ็มอี

กรุงเทพฯ  16 ต.ค. – ธปท.ปรับแผนช่วยเหลือเอสเอ็มอีเฉพาะรายลูกหนี้ หลังสิ้นสุดมาตรการพักหนี้ 22 ต.ค.นี้ พบกลับมาชำระหนี้ตามปกติจำนวนมาก ห่วงลูกหนี้อีกกว่า 5 หมื่นรายยังไม่สามารถติดต่อได้  โดยจะยังคงสถานะลูกหนี้ปกติจนถึงสิ้นปีนี้ หากพ้นกำหนดอาจปรับเป็นเอ็นพีแอล


นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงินและยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันว่า ธปท.ยังคงให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ หลังหมดมาตรการผ่อนผันให้ลูกหนี้เอสเอ็มอีที่ได้รับการพักหนี้จากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะครบกำหนดมาตรการ 6 เดือน วันที่ 22 ตุลาคมนี้ แต่จะปรับเป็นการให้ความช่วยเหลือเชิงรุกและตรงจุดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกหนี้แต่ละรายมากขึ้นแทนการใช้มาตรการแบบทั่วไป ซึ่งมีลูกหนี้เอสเอ็มอีที่ขอรับความช่วยเหลือตามมาตรการเดิม 1.05 ล้านบัญชี เป็นยอดหนี้รวมประมาณ 1.35 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ 400,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาพักชำระหนี้ไปอีก 3-6  เดือนแล้ว

ส่วนลูกหนี้อีกประมาณ 270,000 บัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวม 950,000  ล้านบาท เป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสถานะความช่วยเหลือ และติดต่อกับลูกหนี้ได้แล้ว 94% โดยพบว่ากลุ่มนี้มากกว่า 50% สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ ส่วนที่เหลือหารือกับสถาบันการเงินเพื่อเข้าสู่มาตรการช่วยเหลือแล้ว โดยมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้แต่ละรายจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความสามารถในการชำระหนี้ ทั้งนี้ ธปท.กำหนดระยะเวลาของมาตรการล็อตใหม่ไม่เกิน 6 เดือนนับจากสิ้นปี 2563  หรือจนถึงเดือนมิถุนายน 2564 และหลังจากนั้นจะประเมินสถานการณ์ร่วมกันอีกครั้ง


อย่างไรก็ตาม ธปท.แสดงความเป็นห่วงลูกหนี้อีก 6% หรือประมาณ 57,000 บัญชี ที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ เบื้องต้นจะให้คงสถานะลูกหนี้ปกติไปจนกว่าจะสิ้นปี 2563 หากยังติดต่อไม่ได้ก็จะปรับสถานะเป็นหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล และให้สถาบันการเงินตั้งสำรองเงินเพิ่มเติมต่อไป

นางรุ่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ต้องปรับมาตรการช่วยเหลือจากทั่วไปเป็นแบบเชิงรุกและตรงจุดมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบทางลบระยะยาวได้ เนื่องจากลูกหนี้ที่พักหนี้อยู่จะยังคงมีภาระดอกเบี้ยแต่ละเดือนตลอดช่วงการพักหนี้ ซึ่งเป็นภาระแก่ลูกหนี้ระยะยาว ไม่ส่งเสริมให้เกิดวินัยทางการเงิน (moral hazard) เพราะลูกหนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบไม่มาก อาจอาศัยเป็นช่องทางเพื่อประวิงเวลาการชาระหนี้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน เพราะการพักหนี้เป็นการทั่วไปเป็นระยะเวลานานจะทำให้สภาพคล่องในระบบจากการชำระคืนหนี้และดอกเบี้ยหายไปประมาณ 200,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะกระทบต่อการออกมาตรการปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้รายใหม่ในอนาคตได้

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าลูกหนี้เอสเอ็มอีมียอดสินเชื่อรวม 6.89 ล้านล้านบาทนั้น ยืนยันว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นยอดสินเชื่อรวมทุกประเภทรวมถึงสินเชื่อรายย่อยและลูกหนี้บริษัทขนาดใหญ่ .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

ยังระดมฉีดน้ำ-โฟม สกัดเพลิงไหม้โกดังสารเคมี

เหตุเพลิงลุกไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่จังหวัดระยอง ผ่านมากว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้เพลิงสงบ ขณะที่ล่าสุด จ.ระยอง ประกาศให้พื้นที่ 2 ตำบล เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว

ร้อนทะลุ 42 องศาฯ จนท.ดับไฟป่า ฮีทสโตรก 3 ราย

อากาศร้อนทะลุ 42 องศาฯ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เข้าดับไฟป่า เกิดฮีทสโตรก หัวใจหยุดเต้น 3 ราย ต้องทำ CPR ก่อนหามลงเขาสูงชันกว่า 4 กม. ขึ้นรถส่งโรงพยาบาล